พื้นที่ของแหล่งความรู้และเรื่องราวที่น่าสนใจ รวบรวมจากบทความ และบทเรียน ต่างๆใน Overdrive , Rhythm Section และ Com Music ซึ่งเป็นหนังสือในเครือ PMG โดยเฉพาะเล่มเก่าๆ ที่ตอนนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว ซึ่งมีบทความมากมายที่รอให้ทุกๆคนได้สัมผัส

Thursday, September 20, 2007

Wednesday, September 12, 2007

Megadeth Live In Bangkok

poster-megadeth-live-in-BBK

Singha และ Overdrive
ขอเสนอ
Megadeth  Live In Bangkok
United Abomination Tour of  Duty 2007

บางกอก ฮอลล์ สวนลุม ไนท์พลาซ่า

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2550

       วงร็อคระดับตำนาน Megadeth (เมกาเดทช์) ที่ตีคู่กันมากับ Metallica และ มีผลงานออกมามากมายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกโดยมี Dave Mustaine เป็นผู้นำ เป็นหัวเรือใหญ่ของทางวงตลอดมา อีกทั้งเป็นคนแต่งเพลง, มือกีตาร์และร้องนำอีกด้วย 
       Megadeth จะมาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบในเมืองไทย ในชื่อทัวร์ "United Abomination Tour of  Duty 2007"  (ยูไนเต็ด อะบอมมิเนชั่น ทัวร์ ออฟ ดูที 2007)
สมาชิกในปัจจุบันประกอบด้วย
Dave Mustaine (เดฟ มัสแตน) - lead & rhythm guitars, lead vocals (1983–2002, 2004–ปัจจุบัน)
Glen Drover (เกลน โดรเวอร์)- lead & rhythm guitars (2004–ปัจจุบัน)
James Lomenzo(เจมส์ โลเม็นโซ) - bass (2006–ปัจจุบัน)
Shawn Drover (ชอน โดรเวอร์) - drums (2004–ปัจจุบัน)
      Megadeth ถือว่าเป็นหนึ่งในสี่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Thrash Metal ร่วมกับ Anthrax, Metallica และ Slayer

     BIOGRAPHY

     Megadeth เป็นวงอเมริกัน Thrash Metal ซึ่งนำโดย Dave Mustaine วงนี้ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1983 
     ในปี ค.ศ. 1985 Megadeth ก็ได้ปล่อยอัลบั้มแรกออกมาคือ Killing Is My Business... And Business Is Good! ซึ่งอัลบั้มนี้พวกเขาโปรดิวซ์งานกันเอง ซึ่งงานชิ้นนี้มีทั้งความเป็น thrash, speed metal
     จนกระทั่งมีนาคม 1986 Megadeth ก็ได้ออกผลงานชิ้นที่ 2 คือ Peace Sells... But Who's Buying? ซึ่งขายได้มากกว่าหนึ่งล้านก็อบปี้ในอเมริกา
       So Far, So Good... So What! อัลบั้มที่ 3 ออกวางจำหน่ายในเดือนมกราคม 1988  ทำให้ทางวงได้รับความนิยมอย่างสูงและได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก
     ในปี 1990 Marty Friedman ซึ่งเคยเล่นให้กับวง Cacopony  เข้ามาในวง Megadeth ก็ออกผลงานชิ้นใหม่  คือ Rust In Peace ซึ่งทำให้ Megadeth ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในปี 1991 และ 1992 ในสาขา Best Metal Performance
     ต่อมาทางวงก็ได้ออกอัลบั้มที่ 5 คือ Countdown to Extinction ในปี 1992 ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากและทำให้ทางวงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อีกครั้งในสาขา Best Metal Perfomance ในปี 1993
      และในปี 1994 ทางวงก็ได้ออกอัลบั้มที่ 6   Youthanasia ซึ่งในอัลบั้มนี้เพลงมีความช้าลงและออกไปในเชิงพาณิชย์มากขึ้น
     ในปี 1997 Cryptic Writings สตูดิโอ อัลบั้มชิ้นที่ 7 ก็ถูกปล่อยออกมาซึ่งทำให้ทางวงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในสาขา Best Metal Performance ในปี 1998
     ต่อมาอัลบั้ม Risk ซึ่งออกในปี 1999  นั้นถือว่าเป็นอัลบั้มที่ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Megadeth เพราะอัลบั้มนี้ไร้ซึ่งกลิ่นของ metal แต่กลับมีความเป็น electronic และ disco ซึ่งสร้างความผิดหวังให้แก่แฟนเพลงและ ทำให้ Marty Friedman ลาออกจากวง
      ต่อมาในปี 2001 Megadeth ก็กลับมาสู่ความเป็น metal อีกครั้งกับอัลบั้ม The World Needs a Hero
     แต่ในที่สุด Megadeth ก็ได้ยุบวงในปี 2002 ภายหลังจากที่ Mustaine มีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่เส้นประสาทแขนซ้าย
     แต่ต่อมาได้รับการบำบัดจนหายและฟอร์มวงขึ้นใหม่ในปี  2004 และออกผลงาน  คือ The System Has Failed  ซึ่งถือเป็นการกลับมาสู่รากฐานเดิมของ Megadeth คือความเป็น Thrash Metal
     United Abominations (ยูไมเต็ด อะบอมมิเนชั่น) อัลบั้มล่าสุดในปี 2007 ซึ่งเปิดตัวที่อันดับ 8 บน Billboard Top 200 chart. เป็นอัลบั้มที่ทวงตำแหน่งราชาแห่ง Trash Metal ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงเกิด World Tour นี้ขึ้นมาได้
     Megadeth เป็นที่รู้จักดีจากสไตล์การเล่นกีตาร์ที่ไม่เหมือนใคร ตัวเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงร้องคำรามของ Mustaine รวมไปถึงเนื้อหาของเพลงที่พูดถึง การเมือง,สงคราม,ยาเสพย์ติด,และความสัมพันธ์ของมนุษย์
     Megadeth นั้นมีผลงานออกมามากมาย ทั้งที่เป็น Studio album ,Complilation,EP, และ Live album  Megadeth เป็นวงที่โด่งดังไปทั่วโลกตลอดเวลา  20 ปี
       Megadeth นั้นมีสมาชิกอย่างเป็นทางการมาแล้ว 18 คนซึ่งรวมถึง Marty Friedman มือกีตาร์ตัวฉกาจมากฝีมือ และ Kerry King มือกีตาร์วง  Slayer อีกหนึ่งตำนานของ Thrash Metal  
       อังคารที่ 23 ตุลาคมนี้ (วันปิยมหาราช) ชาวไทยจะได้ชม Megadeth ด้วยสายตาตนเองที่ Bangkok Hall สวนลุม ไนท์ พลาซ่า
และในปีนี้ Megadeth Live In Bangkok น่าจะเป็นคอนเสิร์ตเมทัลที่ร้อนแรงที่สุดในปีนี้

Megadeth  Live In Bangkok
สถานที่แสดง :
บางกอก ฮอลล์ สวนลุม ไนท์พลาซ่า

วันแสดง :
วันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2550 ประตูเปิด
19.30 น.
เริ่มการแสดง
20.00 น.
จำหน่ายบัตร : ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2550  ทาง THAI TICKET MAJOR
บัตรราคา :
1,800 บาท 1,200 บาท 700 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
Prart Music Group
www.prartmusic.com

Wednesday, September 5, 2007

MEGADETH LIVE IN BANGKOK

clip_image002 

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2550 Bangkok Hall สวนลุมไนท์บาซาร์

วงร็อคระดับตำนานที่ตีคู่กันมากับ Metallica และมีผลงานออกมามากมายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกโดยมี Dave Mustaine และ Marty Friedman เป็นมือกีตาร์คู่ในยุคก่อตั้งและในปีนี้ Megadeth ได้ออก Studio Album ล่าสุด ในชื่อ United Abominations ที่มีสมาชิก คือ

Dave Mustaine –กีตาร์,ร้องนำ

Glen Drover - กีตาร์

Shawn Drover - กลอง

James Lomenzo- เบส

ซึ่งอัลบั้มนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นเหตุให้มี World Tour ในนาม Tour of Duty 2007 World Tour ซึ่งเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกของพวกเขาและแน่นอนกรุงเทพฯก็เป็นหนึ่งในที่หมายของการทัวร์ในครั้งนี้ ดังนั้นบรรดาสาวกหูเหล็กทั้งหลาย ก็จะได้มีโอกาสสัมผัสกับ วง Metal ระดับตำนาน นามว่า Megadeth แน่นอนในวันอังคารที่ 23 ตุลาคม นี้ที่ Bangkok Hall (BEC Tero Hall เดิม) สวนลุมไนท์บาซาร์ ประตูเปิด เวลา 19.00 น.เริ่มแสดง 20.00 น.

เตรียมพบกับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของพวกเขาได้

บัตรเริ่มจำหน่าย วันที่ 15 กันยายน นี้

ทาง Thai Ticket Major และ Prart Music ( RCA พระรามเก้า)

บัตรราคา 700,1200,1800

clip_image004

clip_image006clip_image008

clip_image010

clip_image012

Monday, September 3, 2007

[PMG Articles] Slide Guitar No. 2

BY อ. ปราชญ์

ในตอนที่แล้วผมได้พูดถึงพื้นฐานของการเล่น Slide ทั้งมือซ้ายและมือขวา วันนี้จะพูดถึง Lick ที่โดดเด่นในวงการสไลด์กัน คนหนึ่งซึ่งจะหนีไม่พ้นก็ได้แก่ Duane Allman นักสไลด์ผิวขาวผู้มีชีวิตสั้นเกินไป เขาจะมีคำกล่าวที่หลาย ๆ คนรู้จักกันอยู่ประโยคหนึ่งว่า “จงพัฒนาความสามารถของตนเอง แล้วฝากบางอย่างไว้กับโลก เป็นคำกล่าวก่อนที่เขาจะตายเพียง 1 เดือนก่อนหน้าในปี 1971

หลายๆ คนคงคิดสงสัยว่าถ้านับปีที่เขาตายไปจนถึงปัจจุบันก็เกือบ 30 ปี แล้ว และทำไมเราหรือนักดนตรีทั่วโลก ยังพูดถึงเขาเวลาที่กล่าวถึง Slide กันอยู่ อย่างหนึ่งก็คงพิสูจน์ได้ว่า เขาได้ทำในสิ่งที่เขากล่าวไปแล้วได้จริง และคุณยังสงสัยอยู่ผมขอแนะนำให้ลองเล่น Slide ศึกษาLick ของด้วย และหาผลงานของเขามาฟัง คุณก็คงรู้ว่าทำไมทุกวันยังมีคนกล่าวถึงเขาผู้นี้อยู่

ทีนี้เรามาดูเรื่องของเรากันต่อ ผมบอกไว้ว่าจะลง Lick ให้ศึกษากันก็เริ่มกันเลยละกัน

clip_image002

Ex. 1b Lick ที่เป็น Lick ที่สวยมากในการเล่นสไลด์ สิ่งแรกที่ต้องเตือนก็คือ ต้องระวัง 4 สายล่างให้ดี เพราะ Lick นี้จะเล่นในสายต่ำ (4- 6) โดยใช้นิ้วของมือขวาอุดไว้ และสังเกตดูในสาย 5 เป็นการ Pull-Off (การเล่นดีดโน้ตตัวแรกแล้วยกนิ้วออกให้เสียงเคลื่อนเข้ามาหาโน๊ตตัวที่ 2 โดยไม่ดีด ในที่นี้ต้องยก แท่ง Slide ออก) ซึ่งในการเล่น Slide ถือว่าเป็นเรื่องไม่สุกรเท่าไหร่ แต่ Dane Allman เล่น Lick เหล่านี้ได้อย่างหมดจดนี้ต้องเป็นอีก 1 เหตุผลละมั้ง ที่คนพูดถึงเขา และดูในบีทที่ 4 ยกสไลด์จาก F# ไป A ค้างเสียงสาย 6 ไว้ตลอด แล้วมาดีดเฉพาะสาย 5 (D) เป็นอีกเทคนิคหนึ่ง ที่นักเล่นสไลด์ใช้กันมาก Lick นี้ใช้เล่นในคอร์ด D7 ลองเล่นดูจากช้า ๆอย่าใจร้อน

Ex 1c เป็นการเล่น Lick เดียวกันกับ 1b เลยแต่มาเล่น Octave ที่สูงกว่าในการเล่น Slide จำเป็นต้องหาตำแหน่ง และสายใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการเล่น เป็นอีก1 ไอเดียที่จำไว้ได้คือ เล่น Lick เดิมแต่เปลี่ยน Octave ทั้ง 3 Lick (รวมตอนที่แล้วด้วย) สามารถเล่นใน Key D ได้อย่างแจ่ม ลองดู

clip_image004

Ex 2a เป็นอีก Lick ใน Statesbore Blues เป็นลักษณะของ Pieckly Note (โน้ตไม่ครบบีทที่จุดเริ่มต้น) โดยเล่น Grace Note (ลักษณะของโน๊ตที่ปลิดส่วนสั้น ๆ ก่อนโน๊ตจริงที่จะเล่น) ระวังสัดส่วนให้ดี เป็น Lick ที่ดีอยู่ใน D7 ส่วนใน

clip_image006[1]clip_image008

Ex 2b เป็นลักษณะการเล่นแบบเดียวกันเลย เพียงแต่เปลี่ยนโน๊ตเท่านั้น คล้าย ๆ 1b และ 1c ใน 2b นี้ เหมือน 2a แต่เล่นในคอร์ด G7 เลยต้องเปลี่ยนโน๊ตเล่น และก็ต้องหาสายเล่นให้เหมาะสม

clip_image010[1]

Ex 2c เป็นการยืมบางส่วนของ 2a มาแต่เปลี่ยนตำแหน่งเล่นแทนที่จะเล่นที่บีท 3 ก็ย้ายมาเล่นที่บีท 1 ชะ และหาโน๊ตให้เข้ากันแต่คอร์ดที่จะเล่นและใช้สัดส่วนและเทคนิคเดิม ซึ่งใช้ได้ผลมากในการเล่นใน Blue 12 ต้องลองดูตัวอย่างเหมือนกับเป็นห้องที่ 9 –12ใน key D

การเล่น Lick ของ Slide ที่มีโน๊ตเยอะๆ เร็วๆ นั้น คนที่เคยเล่นนั่นจะรู้ว่าเรื่องไม่สุกรแน่ แต่ Duane เล่นอยู่เป็นนิจศีล ลองดูใน

clip_image012[1]

Ex 3a เป็น lick ใน 2 สายบน ลองเล่นดูแล้วคุณจะรู้

Ex 3b เป็น Lick ที่ใช้ Minor 3rd (F) เข้าหา Major 3rd (F) ในบีทที่ 2 และค้างเสียงไว้มาดีดสาย 3 โน้ต D ในบีทที่ 3 ลักษณะเดียวกับ Ex. 2b และ lick นี้สามารถย้ายไปเล่นกับคอร์ดอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ถ้าเล่นใน G7 ก็ไปเริ่มจากโน๊ต F เฟร๊ตที่ 10 หรือ A7 ก็จะไปเริ่มที่โน๊ต G เฟรต 12 ลองดู ไม่ลองไม่รู้นะ

clip_image014

Ex 3 c เป็นอีก Lick หนึ่งที่น่าสนใจลงดูในบีทที่ 2 เป็นการเล่น Grace Note มา และจบด้วยโน๊ตในคอร์ด D ในสาย 2, 3 และ 4 เป็นอีกหนึ่งสุ้มเสียงที่ Slide Mom นิยมใช้ Lick นี้ก็สามารถย้ายไปเล่นกับคอร์ดอื่น ๆได้ โดยย้ายไปให้ตรงกับ Chord นั้น สังเกตจาก 5 โน๊ตสุดท้ายให้ตรงกัน

clip_image016

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอย่าลืม Vibrato ในท้ายของโน๊ตหรือของ Lick ที่เป็นไปได้ ถ้าคุณมีแผ่นของ Duane อยู่ คุณฟังดู คุณจะรู้ว่าเขาไม่รีบร้อน ไม่กลัวที่จะเล่น ถ้าคุณรีบเล่นเกินไป เสียงที่ออกมาจะฟังดูไม่เฉียบ

หลังจากที่คุณศึกษา Lick ที่ได้มานี้แล้ว อยากจะแนะนำว่าพยายามให้ความสำคัญของเสียงให้มาก ความสะดวก, ชัดเจน, การใช้ Vibrato หรืออื่น ๆ และสิ่งสำคัญ “ต้องฟัง” อยากเล่น Slide ได้แต่ไม่เคยฟังงาน Slide เลยเป็นไปได้อย่างไร เหมือนกับว่าอยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้ แต่ไม่เคยได้ยินใครพูดเลย มันก็คงยากแน่ๆ ลองหามาฟังดู เทปอาจจะหายากหน่อยแต่ CD มีแน่นอน ไม่มีเงินซื้อก็หุ้นกันหลาย ๆ คนก็ได้ แล้วฟังกันคนละวันยังไม่จบนะครับสำหรับเรืองนี้ ตอนหน้าจะเป็นตอนจบ ยังมีอะไรอีก อย่าพลาดถ้าคุณจะเล่น Slide วันนี้ ราตรีสวัสดิ์ สวีดัต สวัสดี….

อ้างอิง: Overdrive No. 10

Music Spoken Area (No. 9)

โดย อ.ปราชญ์

วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องหนึ่งที่คิดว่าหลาย ๆ คน คงจะสนใจเรื่องนี้กัน และก็มีคนขอเข้ามากันพอสมควร และ ตำราที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีน้อยซะเหลือเกิน เรื่องที่จะพูดวันนี้ก็คือ “How To Play Slide Guitar” หรือ “วิธีการเล่นสไลด์กีตาร์” นั่นเอง

และเมื่อพูดถึงการเล่นสไลด์แล้วนั่น ก็คงต้องแนะนำให้รู้จักเจ้าพ่อแห่งการสไลด์กีตาร์ อย่าง Duane Allman, Ry Cooder หรือ เจ้าแม่อย่าง Bonnie Raitt กันบ้าง รู้แล้วก็ควรจะเลยไปให้ถึงรากเหง้าของมันกันเลย ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ในช่วงต้นผมจะถูดถึงการวางมือ, วางสไลด์, ควบคุมสายกันก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณเล่น Lick ได้เยอะแต่เสียงออกมาก “รก” ก็ไม่มีประโยชน์ แทบจะเรียกไว้ว่า เป็นหัวใจของการสไลด์เลยก็ว่าได้

clip_image002clip_image004

Duane Allman

Touch

ไม่มีกฎหมายมาตราระบุไว้ว่า การเล่นสไลด์ต้องสวมแท่งเหลา, หลอดแก้ว, คอขวด หรืออื่น ๆ และต้องใช้นิ้วก้อย, กลาง หรือ นิ้วนาง ไม่มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เล่น ยกตัวอย่างเช่น Duane Allman ใส่สไลด์ด้วยนิ้ว 3 (ในกีตาร์ 1=ชี้, 2= กลาง, 3=นาง, 4=ก้อย) ส่วน Bonnie Raitt ใช้นิ้ว 2 และ Ry Cooder ใช้นิ้ว 4 บรรดาเซียน ๆ ยังใช้ไม่เหมือนกันเลย ที่มีการวางแท่งสไลด์ลงบนสาย วางให้ทาบอยู่บนสายกีตาร์ไม่กดลงไปเหมือนการจับคอร์ดด้วยนิ้ว ระวังถ้ากดแรงเกินไป สายจะไปโดนเฟร็ต ลักษณะการวางถูกต้องในศัพท์สไลด์ เรียกว่า “Light” สรุปก็คือ วางอยู่บนสาย เวลาดีดต้องเกิดเสียงที่สะอาด ไม่ขาด ไม่หาย

Intonation

วิธีที่จะเล่นเสียงออกมาให้ถูกในการเล่นสไลด์ ก็คือ ให้แท่งสไลด์นั้นวางอยู่เหนือเฟร็ตที่ต้องการ (หมายถึง ตำแหน่งที่แท่งสไลด์ สัมผัสกับสายต้องอยู่เหนือเฟร็ตพอดี) ในช่วงต้นคุณสามารถใช้ สายตา ของคุณเพื่อดูตำแหน่งของแท่งสไลด์ แต่คุณไม่สามารถเล่นเช่นนี้ไปตลอด เพราะจะเป็นภาพที่ไม่น่ามองเท่าไร เวลาเล่น เมื่อคุณมีความชำนาญเพียงพอ ลองเชื่อหูของคุณ และเมื่อคุณฝึกเล่นโน๊ตได้ตามที่คุณต้องการแล้ว ใส่ Vibrato หรือ ลูกคอของนักร้องนั่นเอง จะสร้างเสน่ห์ให้เสียงได้อย่างมาก วิธีการ Vibrato ก็คือ เล่นสไลด์ ให้ได้เสียงที่ต้องการแล้ว ทิ้งไว้ที่โน้ตนั้นหนึ่งอึดใจแล้ว Vibrato โดย เลื่อนสไลด์ขึ้นลงตามแนวขนานเล็กน้อย ตามความเร็ว-ช้า (Tempo) ของเพลง

Damping

ใช้มือทั้งสองข้างของคุณ Mute String (ควบคุมสาย) สำหรับมือที่สวมสไลด์ฝึกใช้นิ้ว 1 (นิ้วชี้) เล่นคู่ไปกับแท่งสไลด์ คือ ให้นิ้ว 1 แตะ สายกีตาร์ไปตลอดกับแท่งสไลด์ (ดู Fig.1) เป็นวิธีที่จะทำให้เสียงออกมาดีเวลาสไลด์แต่ ทุกอย่างมีคุณ ย่อมมีโทษ บางครั้งการมีเสียงรบกวนเล็ก ๆ อาจจะสร้างสำเนียงของการสไลด์ที่ดีก็ได้ ก็เพียงจะเตือนไว้ว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นิ้ว 1 เล่นคู่กับแท่งสไลด์ไปตลอด แต่เมื่อคุณต้องการเสียงที่หมดจรดวีธีนี้ จะตอบสนองคุณได้แน่นอน

clip_image006

Fig.1

ส่วน Picking Hand หรือ มือขวาของคนเล่นกีตาร์ปกติ ในการเล่นสไลด์ส่วนมากจะนิยมใช้นิ้วดีด (Finger style) เพราะว่าคุณสามารถ Mute สายทีละสายที่ต้องการได้ (ดู Fig. 2) โดยใช้นิ้วชี้, นิ้วกลาง, นิ้วนาง, สำหรับสาย 3,2 และ 1 และนิ้วโป้งสำหรับ สาย 4-6

clip_image008

Fig.2

ใน Fig.3 ถ้าเราดีดสาย 1 จะเห็นได้ว่านิ้วอื่น ๆ ยังสามารถ Mute สายก็ได้

clip_image010

Fig. 3

ใน Fig.4 ดีดสาย 3 สายอื่นก็ยัง Mute อยู่ (ดู Fig 3 และ Fig.4)

clip_image012

Fig. 4

และสุดท้าย พยายามอย่าเล่นสไลด์ให้มากกว่าสายที่เราจะเล่น (เท่าที่จะเป็นไปได้) เช่น เวลาเล่นสาย 1 ก็ให้แท่งสไลด์อยู่บนสาย 1 (ดู Fig.5) ก็จะช่วยเรื่อง Noise ได้ (เสียงรบกวน)

clip_image014

Fig.5

นี่เป็น Basic ของการสไลด์ที่ควรจะฝึกให้คล่องก่อนที่จะศึกษา Lick ของเซียน ๆ ทั้งหลาย ในเล่มนี้ผมจะลง Lick ให้ศึกษากันก่อนสัก 1 Lick เพราะเนื้อที่มีจำกัด เล่มหน้าจะว่าให้หมดเลย

ดู Lick ใน Ex.1 a เป็น Lick ในเพลงเด่นของ Duane Allman ชื่อ “Stalesboro Blues” จาก Live Album ในปี 70 Lick นี้อยู่ใน Key D เริ่มเล่นในบีทที่ 2 ด้วยโน้ต F และเล่นเป็น Staccato ( การลดค่าโน้ตลงครึ่งหนึ่ง) โดยการ Mute ด้วยนิ้วที่เราใช้ดีดนั้นแหละ สังเกตดู Allman จะนิยมใช้โน้ต b3 to 3 คือจากโน้ต F ในบีทที่ 2 มาถึง โน้ต F# ในบีทที่ 4 ยก เป็น Blues Sound ที่ Allman นิยมใช้ และ ค้างโน้ต ตัวสุดท้ายไว้และ Vibrato นิดหน่อยและเล่นอยู่ใน Shuttle Feel สบาย ๆ และทางที่ดีลองหางานของ Duane Allman มาฟังดูจะช่วยได้เยอะมาก

clip_image016

ในคราวหน้า จะมาพูดถึง Lick ที่เด่น ๆ ของเซียน ๆ โดยเฉพาะ Duane Allman อย่าพลาดเล่มหน้า สำหรับคนที่มีสไลด์ในหัวใจ

“เทคนิคที่ดีที่สุดของผมคือ ความใส่ใจในความสะอาด และ อารมณ์ของเสียง”

Pat Martino

อ้างอิง: Overdrive No.9 คอลัมน์ Music Spoken Area โดย อาจารย์ ปราชญ์