พื้นที่ของแหล่งความรู้และเรื่องราวที่น่าสนใจ รวบรวมจากบทความ และบทเรียน ต่างๆใน Overdrive , Rhythm Section และ Com Music ซึ่งเป็นหนังสือในเครือ PMG โดยเฉพาะเล่มเก่าๆ ที่ตอนนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว ซึ่งมีบทความมากมายที่รอให้ทุกๆคนได้สัมผัส

Monday, March 17, 2008

Glenn Patrik Live At Overtone

Thursday 20th March 2008

clip_image001clip_image003

พบกับ Glenn Patrik มือกีตาร์ นักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง ชาว Kansas กับผลงานของเขาในสไตล์ Modern Blues ที่คุณจะต้องชื่นชอบ

Glenn Patrik เริ่มเล่นดนตรี มาตั้งแต่เด็ก การแสดงสดต่อหน้าผู้ชมมากมายเริ่มขึ้นตั้งแต่เขามี อายุ 8 ขวบ ซึ่งมีผู้ชมมากถึง 3,000 คน ณ บ้านเกิดของเขาคือ เมือง Kansas City แนวดนตรีที่เค้าคลุกคลีอยู่นั้นมีทั้ง Soul และ Blues อิทธิพลทางดนตรีของเขานั้นส่วนใหญ่ได้รับจาก ตำนานมือกีตาร์บลูส์แห่ง Kansas City Leon Estelle เจ้าของผลงาน “Mr. Blues Day,” ผู้เป็นทั้งอาจารย์และที่ปรึกษาคนสำคัญของเขา ซึ่งนั่นทำให้เขาได้มีผลงาน debut ภายใต้ชื่อว่า Mr. Blues Jr;

clip_image005 Glenn Patrik เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำงานเพลงของเขา และ การแสดงดนตรีต่อผู้ชมของเขาเป็นอย่างมาก นั่นทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีของการแสดงดนตรีของเขานั้นไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ผู้ชมจะรู้สึกผิดหวัง ดนตรีของเขาสามารถสื่อสารได้เข้าถึงผู้ชมอย่างแท้จริง

เตรียมพบกับ การบรรเลงบทเพลงในสไตล์ Modern Blues ที่คุณไม่เคยฟังที่ไหนมาก่อน จากมือกีตาร์ นักร้อง นักดนตรีมากฝีมือคนนี้ Glenn Patrik

Glenn Patrik 's Official Site : http://www.glennpatrik.com

clip_image007 Over 40 years after performing his very first show at age eight for a crowd of 3,000 people in his hometown of Kansas City, Kansas singer, songwriter and guitarist Glenn Patrik brings a lifetime of struggle and soul, joy and pain and hard-driving blues playing to his long Awaited independent solo debut Mr. Blues Jr;

clip_image009 Patrik got the name of his debut recording indirectly from Estelle on “Mr. Blues Day,” when the city of Kansas City paid homage to him. Estelle was Patrik’s mentor and always told everyone that Patrik was his son. So when someone pulled the younger musician up on stage for the presentation, Grace Harris, aka Amazing Grace, owner of Harris Barbecue, introduced Patrik as “Mr. Blues Jr.” This episode reflects the intense professional connection Patrik has had his whole life with legends of the blues we’ve all heard of (Luther Allison, John Primer, Lefty Dizz) and others who were strictly K.C. heroes.

When Glenn Patrik performs on stage , he is completely in his guitar play and forgets everything around him.He plays his songs to reach his audience and involved them in his performance.

Prepare to joy with Glenn Patrik's Modern Blues at Overtone Music Cave on Thursday 20th March 2008 at 10.30 P.M.

Glenn Patrik 's Official Site : http://www.glennpatrik.com

Monday, March 10, 2008

การสมัคร Paypal

การสมัคร Paypal

การสมัคร Paypal สมัครฟรี แต่จำเป็นต้องมีเครดิตการ์ด หรือบัตรเว็บการ์ด ในการยืนยันบัญชี (บัตรเว็บการ์ด เป็นบริการของธนาคารกสิกรไทย สามารถใช้จ่ายได้ทางอินเตอร์เน็ต เทียบกับบัตร วีซ่า การใช้จ่าย กรณีเราซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต จะหักเงินจากในบัญชี )

วิธีการสมัครบัตรเว็บการ์ด

ก่อนที่จะทำบัตรเว็บการ์ดได้ต้องมีสิ่งต่อไปนี้

1.มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ของธนาคารกสิกรไทย

2. เป็นสมาชิก K-Cyber Banking ของธนาคารกสิกรไทย

สำหรับการเป็นสมาชิก K-Cyber Banking (บริการทำธุรกรรมผ่านเน็ต เช่น โอนเงิน, ชำระเงิน, ดูรายการเคลื่อนไหว โดยไม่ต้องไปธนาคาร เรียกว่า ธนาคารออนไลน์ ของธนาคารกสิกรไทย) สามารถสมัครที่กสิกรไทยสาขาใดก็ได้ ซึ่งมีขั้นตอนการสมัครดังนี้

การสมัคร K-Cyber Banking

ขั้นตอนการสมัคร และใช้บริการ

คุณสมบัติของผู้สมัครใช้บริการ

1. เป็นบุคคลธรรมดาที่มีบัญชีออมทรัพย์ หรือ บัญชีกระแสรายวันของธนาคารกสิกรไทย

2. มี E-mail Address เพื่อใช้ในการติดต่อกับธนาคาร

3. ยังไม่มี User ID ในการเข้าใช้บริการ K-Cyber Banking

หมายเหตุ: ธนาคารกำหนดให้ลูกค้า 1 ท่าน มี K-Cyber Banking User ID ได้เพียงชุดเดียว

เอกสารประกอบการสมัคร

· สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (หรือ Passport กรณีเป็นชาวต่างชาติ)

· สมุดบัญชีที่จะใช้ในการสมัครบริการ (กรณีต้องการใช้บัญชีออมทรัพย์ที่เปิดอยู่แล้วในการสมัครบริการ)

หมายเหตุ: เอกสารดังกล่าวข้างต้น ต้องเป็นสำเนาที่มีภาพถ่ายชัดเจนพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง โดยลงลายมือชื่อเดียวกับที่ปรากฏในใบสมัครซึ่งจะต้องตรงกับลายมือชื่อในสมุดบัญชีของทางธนาคาร

ขั้นตอนการสมัครใช้บริการ

นำบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกับสมุดบัญชี (กรณีต้องการใช้บัญชีออมทรัพย์ในการสมัครบริการ) ไปติดต่อที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาใดก็ได้ กรอกใบสมัครบริการ K-Cyber Banking พร้อมลงลายมือชื่อแล้วยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบการสมัครแก่เจ้าหน้าที่
หมายเหตุ: ในกรณีที่คุณต้องการใช้บัญชีส่วนตัวมากกว่า 1 บัญชีผ่านบริการ K-Cyber Banking คุณสามารถทำรายการขอเพิ่มบัญชีได้ในภายหลัง

ระยะเวลา, การรับทราบผลอนุมัติการสมัคร และการรับรหัสในการใช้บริการ

หลังจากที่คุณสมัครบริการที่สาขา ธนาคารจะแจ้งผลอนุมัติการสมัครใช้บริการ และรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ (Login Password) ในเช้าวันถัดไปผ่านทางอีเมล์ที่คุณระบุไว้ในใบสมัคร

ขั้นตอนการใช้บริการ

1. เข้าสู่หน้าหลักของเว็บไซต์ธนาคาร http://www.kasikornbank.com

2. เลือกบริการออนไลน์เป็นบริการ K-Cyber Banking จากกล่องสีแดงที่บริเวณด้านซ้ายของจอ

3. ใส่ชื่อผู้ใช้บริการ (User ID) และรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ (Login Password) เพื่อเข้าสู่หน้าจอบริการ K-Cyber Banking 

4. เลือกฟังก์ชันที่ต้องการใช้งานจากเมนูบริการที่บริเวณด้านซ้ายของหน้าจอ

5. ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุบนหน้าจอเพื่อทำรายการประเภทนั้นๆ

พอเป็นสมาชิก K-Cyber Banking แล้ว ก็จะสามารถ login เข้าตรวจสอบยอดเงินทางอินเตอร์เน็ตและสมัครบัตร เว็บการ์ดได้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

K-Web Shopping Card (บัตรซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย)

วิธีการสมัครใช้บริการ

1. Login เพื่อเข้าสู่บริการ K-Cyber Banking ของธนาคารกสิกรไทย https://ebank.kasikornbank.com/retail/security/login_th.jsp

2. เลือกเมนู “K-Web Shopping Card” ทางด้านขวา และเลือก “สมัครใช้บริการ”

3. เลือกบัญชีที่ต้องการใช้ผูกกับบัตร พร้อมระบุวงเงินซื้อสินค้าต่อวันที่ต้องการ (ระหว่าง 0 – 100,000 บาท) แล้วกด “ต่อไป” 

4. กด “ยอมรับ” เมื่ออ่านข้อตกลงและเงื่อนไข

5. กรอกรหัส OTP (สมัครได้ที่ K-Contact Center) แล้วกด “ยืนยัน”

6. ระบบจะแจ้งการทำรายการสำเร็จ และส่ง e-mail แจ้งให้ทราบว่า ธนาคารได้รับคำร้องขอสมัครใช้บริการ K-Web Shopping Card แล้ว

7. เมื่อธนาคารออกหมายเลขบัตรแล้วก็จะส่ง e-mail แจ้งให้เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดของบัตรได้ที่ K-Cyber Banking

เอกสารประกอบการสมัครใช้บริการ

ไม่ต้องใช้เอกสารใดในการสมัครใช้บริการ

ค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมรายปี 200 บาท (สมัครตั้งแต่วันนี้ถึงเดือนธันวาคม 2551 ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี (ปีแรก)

เมื่อมีบัตรเครดิตการ์ด หรือ บัตร K-Web Shpping Card แล้วก็สามารถดำเนินการสมัคร Paypal ได้โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

การสมัคร Paypal

1. เข้าเวป PayPal www.paypal.com แล้วเลือกที่หัวข้อ Sign up Today

2. คลิกลูกศร เลือกประเทศไทย

3. เลือกที่หัวข้อแรก คือ Personal Account ค่าธรรมเนียมถูกที่สุด จากนั้นคลิกที่ Continue

4. กรอกแบบฟอร์มให้ครบถ้วน (กรอกเป็นภาษาอังกฤษ)

5. ใส่เลขบัตรเครดิต (หรือบัตรอื่นที่แทนบัตรเครดิตได้เช่น บัตรเคเวปการ์ด (K-Web Shopping Card ) โดยเลือกหัวข้อ Add Credit Card และกรอกเลขหมายประจำบัตรให้ครบถ้วน

6. กด Get Number เพื่อให้ PayPal ทดสอบตัดเงินจากบัตร $1.95 หรือประมาณ 60-70 บาท เพื่อทดสอบบัตร (แต่จะได้คืนเป็นโบนัสภายหลัง เมื่อทำรายการเสร็จ)

7. การยืนยันอีเมล เข้าไปเช็คที่ อีเมลเพื่อยืนยันอีเมล โดยให้ log in เข้าไปในอีเมลที่คุณใช้สมัคร PayPal จะมีจดหมายมาจาก Paypal ชื่อว่า Activate Your Paypal Account ให้คลิกเข้าไปที่จดหมาย จะมี link ให้คลิก ใส่ password ที่ได้รับมาในขั้นตอนการสมัคร ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัคร Paypal

Saturday, March 8, 2008

ผ่าสมอง : Billy Gibbons ZZTOPS

ผ่าสมอง : Billy Gibbons ZZTOPS

From : Overdrive Guitar Magazine No. 27 , September 2000

คอลัมน์เก่าของ อ.วิชัย เที่ยงสุรินทร์ ผู้บุกเบิก บทความของศาสตร์และเสียงของ ดนตรีที่เป็นอมตะ และ ขอให้ผลดีที่อาจารย์ได้ทำมา คุ้มครองอาจารย์ในอ้อมกอดแห่งพระเจ้าด้วยเทอญ

clip_image002[1]

โดย อาจารย์ วิชัย เที่ยงสุรินทร์

clip_image004[1]

clip_image006[1]clip_image008[1]

สุ้มเสียงของ ซีซีท็อบนับว่าเป็นตัวแทนของเท็กซัสได้อย่างเต็มภาคภูมิ สูตรแรกและสูตรเดียวของชาวคณะนี้คือ ดนตรีที่หนักหน่วง รุนแรง เร่งเร้าอารมณ์ เป็นดนตรีร็อคที่มีพื้นฐานมาจากเสียงบูลล์จากการใช้สเกลและเจือด้วยความเป็นป็อปอยู่บ้าง จากฟอร์มของเพลง การใช้คอร์ดตลอดจนเนื้อหาของเพลง อัลบั้มที่มียอดขายรุนแรงอย่างมากได้แก่ Eliminator และ Afterburner ที่ทำให้ ซีซีท็อป กลายเป็น เศรษฐีใหญ่หลังจากที่ระหกระเหินมาเป็นเวลานาน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ซีซีท็อป ก็เป็นชื่อเรียกติดปากของผู้ฟังทุกรุ่น ทุกแบบ ไม่ว่าคุณจะชอบบูลล์ชอบร็อค หรือ ป็อป ซีซีท็อป แทรกเข้าไปในใจของทุกคน

อาจกล่าวได้ว่าคนเราทุกคนมีความดิบเถื่อนอยู่ในใจที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมาถ้ามีโอกาส แม้ว่าคนที่ดูบุคลิกภายนอกจะเป็นคนสุภาพอ่อนโยนก็ตาม วันหนึ่งในห้องน้ำส่วนตัวเขาอาจจะทำอะไรบ้าบอคอแตกอยู่คนเดียวเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจที่เก็บกดเป็นเวลานาน ดนตรีบูลล์แนวเท็กซัส เป็นดนตรีที่ค่อนข้างดิบและเข้าใจอารมณ์เถื่อนๆภายนในจิตใจของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ถ้าอ้อยสร้อย โหยหวน ละก็ คงไม่มีใครเกินชิคาโกบูลล์ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหนล่ะครับ ซีซีท็อป จัดเป็นวงที่เล่นดนตรีเถื่อนๆ ดิบๆ นิดๆ แน่นอนย่อมเข้ากับคนมี่สุกๆห่ามๆได้ดี ขณะเดียวกันคนสุภาพเรียบร้อยที่ต้องการจะปลดเปลื้องความเก็บกดภายในก็ชอบผลงานของพวกเขา เอาไว้แอบฟังคนเดียวยามไม่มีใครอยู่ด้วย แต่ ซีซีท็อปเหนือชั้นกว่า เท็กซัสบูลล์ระดับปกติ เพราะพวกเขาสามารถนำเอาเสียงสังเคราะห์จากเครื่องดนตรียุคใหม่ ซึ่งที่จริงเป็นเรื่องของดนตรีเต้นรำ หรือดนตรีป็อปที่วิจิตรพิสดารหรือดนตรีนอกโลก อันได้แก่ เครื่องกลอง (drum machines)

clip_image010[1]clip_image012[1]และซินธิไซเซอร์ เข้าไปผสมผสานกับเสียงเท็กซัสบูลล์ได้อย้างเหมาะเจาะ เรายกย่องผู้ที่มีความสามารถในการนำเอาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ ไปกวนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน สิ่งนี้ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆมิฉะนั้นอาจกลายเป็นหัวมงกุฎท้ายมังกรเหมือนกับผลงานหลายๆชิ้นในบ้านเรา กิ๊บบอน มีชื่อเสียงลือเลื่องในฐานะมือกีตาร์ที่ใช่เสียงดิสทอร์ชั่นที่อ้วน หนา และการเล่นกัดปิ๊คเรียกฮาร์โมนิคแบบถึงกึ๋น เทคนิคการกัดปึ๊คให้ปรากฎเป็นเสียงฮาร์โมนิคนี้เรียกว่า Pinch Harmonics เสียงที่ปรากฎขึ้นมาจะเป็นเสียงที่สูงกว่าโน้ตในช่องที่เราเล่น(ดูเรื่องฮาร์โมนิคจากเรื่องอีคิว-ปรัชญาการปรับเสียง) ซึ่งอาจเป็นเสียงที่2, 3, 4 ฯลฯ เรียกว่า 2nd Partial, 3rd Partial, 4th Partial ส่วนโน้ตอยู่บนเฟร็ตที่เราเล่นนั้นเรียกว่า Acoustic Roof หรือ 1st Partial เช่น 1=c,2=c(สูงกว่า 1อ็อคเตฟ),3 = G (สูงขึ้นไป) 4=C (สูงขึ้นไปอีก) ฯลฯ การกัดปิ๊คทำได้ด้วยการจับปิ๊คแบบหมิ่นเหม่ โผล่ปลายออกมานิดเดียวเมื่อดีดไปบนสายจะกระทบกับปิ๊คแล้วไปสะกิดโดนเนื้อข้างๆเล็บของนิ้วหัวแม่มิอ จะเกิดเป็นสียงฮาร์โมนิคเกิดขึ้นมา

clip_image014[1]อย่าเข้าใจผิดคิดว่าถ้าดีดให้ถูกปิ๊คและกระทบกับเนื้อเช่นนี้จะทำให้เกิดเสียงวิ๊ด ชองฮาร์โมนิคได้ทุกครั้ง ฮาร์โมนิคจะเกิดเสียงวิ๊ดของฮาร์โมนิคได้ทุกครั้ง ฮาร์โมนิคจะเกิดขึ้นมาได้ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างนิ้งมือซ้ายที่กดลงบนเฟร็ต (หรือจากสายเปล่า)ด้วย ถ้าห่างกัน5เฟร็คจะเกิดเลียงฮาร์โมนิคที่4,ห่างกัน 7เฟร็ต เกิดเป็นเสียงฮาร์โมนิคที่2(อย่าลืมว่าโน้ตของมือซ้ายชองฮาร์โมนิคที่1)ในกรณีตำแหน่งมือขวาที่หลุดออกไปนอกเฟร็ต หรือมือขวาดีดอยู่แถวๆปิ๊คอัพ หรือ แถวสะพานสายก็จะมีเสียงฮาร์โมนิคที่เกิดจากการกัดปิ๊คนี้ เช่นกัน เราต้องคิดถึงเฟร็ตสมมุติขึ้นมา แล้วกะบริเวณตำแหน่งที่จะดีดโดยบวก 12 เฟร็ตเข้าไป เช่นฮาร์โมนิคที่4 เกิดขึ้นบนเฟร็ตที่ห่างจากมือซ้ายออกไป 5เฟร็ต และ 5 12 17 เฟร็ต,ฮาร์โมนิคที่3 เกิดขึ้นบนเฟร็ตที่ห่างจากมือซ้ายออกไป 7เฟร็ต และ7+12 = 19 เฟร็ต,และ ฮาร์โมนิคที่4เกิดขึ้นบนเฟร็ตที่ห่างจากมือซ้ายออกไป 12เฟร็ต และ12+12 =24 เฟร็ต ดังนี้ เป็นต้น ในกรณีสมมุติว่าไม่มีเฟร็ตนั้นๆเราก็ลองกะตำแหน่งดูเอาเอง หรือทดลองเล่นและจำตำแหน่งเอาไว้ เช่นมือซ้ายกดที่สาย 1 ช่อง 8 เป็นโน้ต C ถ้าอยากกัดปิ๊คให้เกิดฮาร์โมนิคที่2ขึ้นมาเราต้องใช้มือขวาปดีดสาย 1 ตรงบริเวณเฟร็ตที่ 20 (8+12) หรือ ถ้าบวก 12 เข้าไปอีกจะเป็น 8+12+12 = เฟร็ตที่32 กีต้าร์ของไม่มีเฟร็ตที่32 ก็ต้องลองกะประมาณว่าเฟร็ตที่ 32 ควรอยู่แถวใด ซึ่งอาจจะอยู่บนปิ๊คอัพ ใกล้สะพานสาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นต้น จากนั้นจำตำแหน่งเอาไว้ให้ดี หรืออาจจะเอาเทปมาปะเอาไว้เป็นเครื่องหมายก็ได้

เด็กบ้านเรามากมายเข้าใจผิดเรื่องนี้ คิดว่าถ้าดีดสายด้วยปิ๊คและให้สายไปกระทบกันเนื้อหัวแม่มือก็จะต้องเกิดฮาร์โมนิคทุกครั้ง ถ้าไม่เกิดแสดงว่าเทคนิคถูกต้องแล้ว ก็คิดว่ากีต้าร์ของเราไม่ดีถึงกับขายทิ้งซื้อตัวใหม่ก็มี ขอให้เข้าใจ เสียใหม่ว่า ต้องดีดให้ถูกกับตำแหน่งด้วยจึงเกิดเสียงฮาร์โมนิคและจะต้องเป็นฮาร์โมนิคตัวที่เราสั่งให้เกิดขึ้นมาด้วย ไม่ใช่เกิดเพราะความบังเอิญ จะเป็นเสียงฮาร์โมนิคที่เท่าไหร่ก็ชั่งมัน กีต้าร์ต่อให้ยอดแย่ขนาดไหน ก็มีสิทธิ์ที่จะเปล่งเสียงฮาร์โมนิคได้ทุกตัวถ้าตำแหน่งของเราถูกต้อง

ฮาร์โมนิคที่ฟังชัดเจน พุ่งไปไกลก็ไม่ได้เกิดจากว่ากีต้าร์ตัวนั้นราคาแพงหรือของดี ขึ้นอยู่กับการปรับโทน ทุ้ม-แหลม หรือ ปรับย่านความถี่เสียงจากอีคิวทั้งของกีต้าร์, แอมป์ และเอฟเฟ็ค ตลอดจนความใหม่ของสายกีต้าร์ ถ้าเป็นสายกีต้าร์เก่าเสีงยตายไปแล้วก็จะเปล่งฮาร์โมนิคได้แผ่วเบา หรือไม่ออกเลย ดังนั้นไม่ต้องเสาะแสวงหากีต้าร์ตัวใหม่ที่แพงหูฉี่ หรือไปนั่งซื้อปิ๊คอัพตัวใหม่มาเปลี่ยน เพียงเพราะว่าเสียงกัดปิ๊คไม่ออกมา

clip_image016[1] โซโล่ของกิ๊ปบอนส์ที่ถือว่าเน้นลูกกัดปิ๊คเป็นหัวใจและทำได้เด็ดดวงมากๆ ได้แก่ เพลง La Grange จากอัลบั้ม Tres Hombres ในปี 1973 กิ๊ปบอนส์ใช้เสียงฮาร์โมนิคจากการกัดปิ๊คต่อเนื่องกันเป็นขบวนเลยทีเดียว และเป็นการโชว์การควบคุมตำแหน่งของฮาร์โมนิคได้อย่างตามใจนึกว่าจะสั่งให้เกิดเสียงฮาร์โมนิคตัวที่เท่าไหร่ออกมา ดังนั้นอย่ากัดปิ๊คแบบชุ่ยๆคิดถึงตัวโน้ตที่จะเปล่งออกมาด้วย ของอย่างนี้ถ้าไม่ศึกษาหรือรู้ดนตรีพอสมควร จะไปนั่งทดลองหรือค้นคว้าเอาก็ย่อมทำได้ แต่อาจกินเวลาเป็น 10 ปี เรียนรู้ดนตรีให้เป็นเรื่องเป็นราวสักหน่อยช่วยย่นเวลาสุดกู่ ไม่ดีกว่าหรือครับ ในแง่มุมของการใช้สเกล กิ๊ปบอนส์ ก็เป็นเช่นเดียวกับ นักกีต้าร์แนวร็อค และบลูส์ส่วนใหญ่ นั่นคือ การใช้เพนตาโทนิคไมเนอร์(1 b3 4 5 b7)และบลูส์สเกล(1 b3 4 b5 5 b7) เป็นสเกลหลักในการเล่นมีการใช้โน้ตตัวอื่นๆเป็นตัวผ่านทาง(passing notes)อยู่บ้าง เช่นในเพลง Waiting For The Bus ซึ่งกิ๊ปบอนส์ใช้สเกลหลัก พร้อมกับมีโน้ตตัวที่ 6 ของสเกลมาเป็นตัวผ่านทางเข้าไปหาโน้ต b7 และใช้การเล่นพลู-ออฟ จากโน้ตบนเฟร็ตสูงๆเข้าไปหาโน้ตในสายเปล่าซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับอิทธิพลมาจากเจฟ เบ็ค

บางครั้งกิ๊บ บอนส์ จะใช้เพนตาโทนิคเมเจอร์ ( 1,2,3,5,6 ) อยู่บ้างผสมผสานเข้าไปกับบางคอร์ดในบทเพลง เพื่อแต่งเติมสีสันใช้ขยายขอบเขตออกไป อันเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของพ่อมือช้า อีริค แคลปตัน เช่นเพลง Rough Boy จากอัลบั้ม Afterburner จะเห็นได้ว่ากิ๊บ บอนส์ สามารถทวนกลับไปกลับมาระหว่างเพนตาโทนิคไมเนอร์และเพนตาโทนิคเมเจอร์ได้อย่างมีระดับทีเดียว

ปรัชญาการโซโลของ กิ๊บ บอนส์ ที่เขาเริ่มนำมาใช้ในช่วงหลังๆ คือ การพยายามเล่นให้ช้าลง แต่ใช้สัดส่วนของตัวโน้ตที่ดิ้นเด้งไปเด้งมา [rhythmic] มากกว่า จะเป็นการโซโลเร็ว และใช้ลูกเล่นที่ต่อเนื่องกันราบเรียบเหมือนยุคก่อนๆ นี่เป็นการหนีออกจากสังคมที่เต็มไปด้วยเสียงกีตาร์ไฟแลบจากบรรดาเกจิ เฮฟวี่ยุคหลังที่โซโลกันจนฟังแทบไม่ทัน กิ๊บ บอนส์ หนีออกมาได้จนสำเร็จ กลายเป็นเอกลักษณ์เด่นส่วนตัวและเขายังพยายามลงมาโซโลบนสายเสียงต่ำ (6,5,4 )มากขึ้น ทำให้เกิดลักษณะเสียงที่ อ้วน กลมหนาแน่นไม่กรีดโหยหวนไปกลางกระหม่อม แบบนักกีตาร์คนอื่นๆ ฟังแนวความคิดนี้ได้จากบทเพลง Sharp Dressed Man และ Cleap Sunglasses

นอกจากนี้ กิ๊บ บอนส์ ยังใช้วิธีตบคอร์ด 3เสียงและ 2เสียง ( 2 เสียงก็เป็นคอร์ดได้ ถ้าเล่นเสียงในคอร์ดทีละ 2 เสียงกลับไปกลับมา หูผู้ฟังก็จะฟังว่าเป็นเสียงในคอร์ดอยู่ดี เช่นคอร์ด C major ประกอบด้วยโน้ต C E G เราอาจเล่นคู่ประสาน C,E กับ E,G สลับกันไปมา หูของผู้ฟังจะรับรู้ได้ว่าคือ คอร์ด เมเจอร์ วิธีการนี้เรียกว่า two notes chords ) แย็บนิดแย็บหน่อยไปในช่วงของการโซโล ตัวอย่างเช่นเพลง Gimme All Your Lovin' และการใช้คอร์ด 3 สาย ( สาย 2,3,4 ) เล่นเป็นริทึ่มแบ็คอัพบทเพลงหรือใช้ช่วงโซโล ซึ่งเป็นแนวความคิดของการเล่นคอร์ดยุคใหม่ เรียกว่าคอร์ด 3 สาย กลุ่มศิลปินดาวค้างฟ้า โรลลิ่ง สโตนส์ ถือเป็นร็อคกลุ่มแรกที่ใช้คอร์ดในลักษณะนี้อย่างจริงจังลองฟัง Start Me Up, Brown Sugar,Honky Tonk Woman จะเข้าใจดี บทเพลงของจิมมี่ เฮนดริกซ์ Wait Until Tomorrow ก็ใช้คอร์ดในลักษณะดังกล่าว แม้กระทั่งการใช้ริทึ่มคอร์ดแบ็คอัพในบทเพลงป๊อป เช่น ของมาดอนน่า ก็ใช้การเล่นคอร์ดดังกล่าวนี้ ขอบคุณโรลลิ่ง สโตนส์ที่นำความรู้ใหม่ๆมาให้พวกเรา

กิ๊บ บอนส์ ไม่ใช่ว่าจะตบคอร์ดแย็บนิดแย็บหน่อยสลับไปกับการเล่นโซโลเท่านั้น บางครั้งเขายังใช้วิธีการที่เรียกว่า Blocked Chord Solo คือแทนที่จะเล่นโซโลเป็นตัวโน้ตเดี่ยวๆทีละตัว [Single Note] หรือโซโลเป็นโน้ตคู่ประสาน 2 ตัว [double stops] เขาโซโลออกมาเป็นโน้ต 3 ตัว หรือที่คนไทยเรียกกันว่า " โซโลเป็นพวง" ผู้ที่จะโซโลออกมาเป็นพวงได้เช่นนี้ ต้องมีความรู้เรื่องการ Hamonized Scale,Passing Chord, ฯลฯอย่างช่ำชองและต้องผ่านการฝึกปรือมือซ้ายมาเต็มกำลังจึงจะทำได้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เรื่องคอร์ด หรือฮาร์โมนี่ไม่มีอันทำเช่นนี้ได้เด็ดขาด สายร็อคที่เห็นได้อยู่กันประจำก็ได้แก่กลุ่มศิลปินร็อคอะบิลลี่ เช่น สก็อตตี้ มัวร์ มือกีตาร์คนแรกของเอลวิส เพรสลีย์,คาร์ล เพอร์กินส์ สุดรักสุดบูชา ของยอร์ช แฮริสัน อดีตสี่เต่าทองฯลฯสายนี้จะใช้การBlocked Chord Solo เป็นบางช่วง อาจเป็น 2 ห้อง,4 ห้องบ้าง สลับกับการโซโลโน้ตเดี่ยว ฯ หรือคู่ประสาน แต่สายแจ๊ซพวกบีบ๊อบ สวิงฯลฯ พอเริ่มบล็อคคอร์ดโซโล อาจโซโลกันเป็นชุดหรือทั้งประโยค ไปจนกระทั่งถึงโซโลกันทั้งท่อนโซโล หรือทั้งคอรัสเลยทีเดียว บทเพลง Tube Snake Boogie ของกิ๊บบอนส์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านนี้ของเขา และสะท้อนให้เห็นว่ากิ๊บบอนส์ ผ่านงานร็อคอะบิลลี่ มาแล้วอย่างโชกโชน

clip_image018[1]การที่คิดจะเป็นมือโซโลที่ดีไม่ใช่มุมานะจะไล่สเกลกันท่าเดียว ยังต้องมีองค์ประกอบด้านอื่นๆอีกหลายต่อหลายอย่าง แล้วกิ๊บบอนส์ ล่ะใช้สเกลอะไร เขาใช้อยู่เพียง 2-3ชนิดเท่านั้น ก็เป็นบุคคลสำคัญได้ผู้หนึ่ง ผมอยากจะฝากอะไรเอาไว้สำหรับพวกเราสักนิดว่า ถ้าเมเจอร์สเกลยังไม่รู้จักดีพอ ก็จงอย่าหาทางนิ้วไมเนอร์สเกลมาฝึกหัด ถ้าได้เมเจอร์สเกลและไมเนอร์สเกลแล้ว ก็จะรู้จักเพนตาโทนิค และบลูส์สเกลได้เอง และถ้าเมเจอร์ ,ไมเนอร์ เพนตาโทนิคไม่คล่องแล้วละก็ ลืมเรื่องโมด ,ดิมินิชสเกล,โฮลโทนสเกล ฯลฯ ไปก่อนจะดีกว่า นักกีตาร์ที่ดีไม่ได้วัดกันว่าใครรู้จักสเกลมากกว่ากัน ยังีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะเป็นนักดนตรีที่ดี มือโซโลที่ยอดเยี่ยม ไม่เชื่อลองถามบิลลี่ กิ๊บบอนส์ดูก็ได้

From : Overdrive Guitar Magazine No. 27 , September 2000

clip_image019[1]

Guitar Man By Pop The Sun

Guitar Man

By Pop The Sun

จาก : Overdrive Guitar Magazine No. 27 , September 2000

ผมมีตัวอย่างการใช้ Lick ของ Scale Pentatonic มาใช้ในการ Solo Guitar ครับ

Fig. 1

E minor Pentatonic Scale

clip_image002

จาก Fig.1 ผมอยากให้ลองใช้เทคนิคการดีดแบบสลับ (Alternate Picking) คุณจะเริ่มดีดขึ้นก่อนหรือดีดลงก่อนก็ได้ ลองกลับไปอ่านคอลัมน์ที่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของการดีดแบบข้ามสาย แล้วลองคิดดูว่าแบบไหนเหมาะกับความรู้สึกของคุณ ผมใช้ Lick ที่คล้ายๆกันกับ Fig.1 นี้ในเพลง " รักเป็นบาป"จากัลบั้มแรกของ THE SUN

แม้ว่าการดีดสลับจะมีประโยชน์มากสำหรับการเล่นกีตาร์ แต่บางครั้ง Lick ที่คุณแต่งขึ้น หรือต้องการจะฝึก ก็ไม่ได้เหมาะสมกับการใช้เทคนิคดีดสลับเสมอไป ทีนี้เรามาลองดูตัวอย่างของ Lick แบบนั้น

clip_image004Fig.2

เป็นการเล่น Pentatonic Scale Sequence หรือการเรียงลำดับตัวโน๊ตใน Scale ใน Fig.2 นี้ ผมได้กำหนดค่าของโน๊ตเป็นโน๊ตเขบ็ต 2 ชั้น แต่ถ้าคุณดูที่โน๊ต ที่เน้นน้ำหนัก (Accent) จะเป็นการเล่นแบบกลุ่ม หรือลำดับโน๊ต 5 ตัว (Group Of Five) เพราะฉะนั้นคุณสามารถที่จะเลือกฝึก Fig.2 นี้เป็นแบบเขบ็ต 2 ชั้น ที่ใช้ค่าโน๊ตเป็น 5:4 ก็ได้ ซึ่งหมายถึงเล่น 5 โน๊ตต่อหนึ่งจังหวะ ส่วนการดีด (picking) ผมได้กำหนดไว้ให้แล้ว คือจะมีการดีดลง ต่อครั้ง ต่อกันในแต่ละกลุ่ม จากสาย 2 ไปสาย 1 และคู่สายต่อไป ถ้าคุณลองฝึก Fig.2 นี้ โดยใช้การดีดสลับคุณจะพบว่าที่ Tempo (ความเร็ว) ที่เร็วๆ คุณจะรู้สึกลำบากมากในการเล่นโน๊ตให้ได้จังหวะและเสียงที่ชัดเจน

การฝึก Lick เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจเรื่องเทคนิคและการสร้างโน๊ตในการโซโลกีตาร์ แต่ในสถานการณ์จริงหรือการทำงานดนตรี เราไม่สามารถนำ Lick ที่ฝึกอยู่เป็นประจำมาต่อกันหรือมาโซโลในเพลงทุกๆ เพลงตลอดเวลา ซึ่งผมมักจะเจอปัญหาแบบนี้เสมอๆ แต่คุณสามารถสร้างเรื่องราวหรือวลีได้จากการผสมผสาน Lick และเลือกใช้ Lick ที่เหมาะสมในแต่ละเพลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Style ของแต่ละคน และการฝึกฝนในเรื่องของการ Improvise

อย่างสม่ำเสมอ...แล้วเจอกันนะครับ

จาก : Overdrive Guitar Magazine No. 27 , September 2000

clip_image005

Thursday, March 6, 2008

Overtone

Fri. 07/03/08 INCA /Tribute The Eagles

clip_image001

พบกับสมาชิกทั้ง 6 ของ วงดนตรีฝีมือดี “อินคา” ที่จะมาบรรเลงบทเพลงของ The Eagles สุดยอดวงซึ่งเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ

วง อินคา ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยการนำของ ศักดา พัทธสีมา (ดา), จารุวัฒน์ วิเศษสมบัติ (อ้อม) และ นล สิงหลกะ (อ๋อ) ด้วยความฝันที่จะได้ทำอัลบั้มกับ บริษัท Grammy Entertainment (G''MM') จากนั้นปลายปี พ.ศ. 2534 ภายใต้การดูแลของ พี่โอม (ชาตรี คงสุวรรณ) อัลบั้มชุดแรก “คนล่าฝัน” ก็ได้วางแผง และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยสไตล์ดนตรีที่แตกต่าง ทั้งเสียงร้องนำ, เสียงกีตาร์ และการร้องประสานเสียง ทำให้เกิดเพลงฮิตหลายต่อหลายเพลงเช่น หมากเกมนี้, ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ, ขอเริ่มใหม่

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2536 ภายใต้ชื่อวงอินคา และสังกัดเดิม คงเหลือสมาชิก 3 คน คือ ดา, เต้ย และ บอย ได้วางอัลบั้มชุดที่สอง “ตามรอยตะวัน” เพลงฮิตจากอัลบั้มนี้ได้แก่ หมดแล้วหมดเลย, ร้อยคน, เพียงเท่านี้

หลังจากนั้น สมาชิกหลายๆคนก็เริ่มที่จะผันตัวเองไปเป็นคนเบื้องหลัง และสร้างสรรค์ผลงานดีๆมากมายสู่วงการเพลงไทย และในปี พ.ศ. 2546 คอนเสิร์ต “INCA IN LOVE” ที่ อินดอร์ สเตเดี้ยม และ การทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศเกือบ 1 ปีเต็ม เป็นเหมือนกับการบอกกล่าวและยืนยันให้แฟนเพลงได้รู้ทั่วกันว่า สมาชิกดั้งเดิมทั้ง 6 คน ได้กลับมารวมตัวกันแล้ว

และ...ปี พ.ศ. 2549 จากประสบการณ์ของแต่ละคนที่ได้สั่งสมมาเป็นเวลานานนับสิบปี พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งภายใต้ชื่อ “อินคา” ด้วยอัลบั้มชุดใหม่ “INCA Arrival”

สมาชิกวง อินคา ประกอบไปด้วย

ศักดา พัทธสีมา (ดา) : ร้องนำ / กีต้าร์

จารุวัฒน์ วิเศษสมบัติ (อ้อม) : ร้องนำ / กีต้าร์

นล สิงหลกะ (อ๋อ) : ร้องนำ / กลอง

ปิติ ดวงพิกุล (ป๊อบ): เบส

รณภพ อรรคราช (เต้ย) : กีต้าร์

วรวิทย์ พิกุลทอง (บอย) : คีย์บอร์ด

INCA Website http://www.freewebs.com/inca-band

Meet 6 members of The Famous band “INCA” will come to play The Eagles’ songs .

INCA was founded in 1989 by Sakda Pathasima (Da) , Jaruwat Wisethsombaj (Oom) , Nol Singholga (Orh) . The debut album "Khon-Lar-Fhan" (Chasing the Dream) was released in 1991 .This album was achived because of their unique style. The hit tracks from this album are "Mhark-Game-Nee" (The Game) , "Ying-Kai-Ying-Jeb" (As Close As Pain) , "Kor-Rherm-Mai" (Turn Out A New Leaf)In 1993 , INCA released their second album "Tam-Roy-Ta-Wan" (Follow The Rising Sun) with remained 3 members ; Da ,Toey , and Boy .The hit tracks from this album are "Mod-Lawy-Mod-Laye" (Exhaust) , "Roy-Khon" ( 100 Men) , "Pheng-Tow-Nee" (Just Only)

Afterthat members of the band had become producers , sololists. In 2003 "INCA In Love Concert" was the reunion concert of thr band.Large number of their fans came to The Indoorstadium Huamark.

And in 2006 , INCA released their latest album " INCA Arrival" .

INCA is :

Sakda Pathasima (Da) : Vocal / Guitar

Jaruwat Wisethsombaj (Oom) : Vocal / Guitar

Nol Singholga (Orh) : Vocal / Drum

Piti Daungpikul (Pop) : Bass

Rhonnaphop Arkaraj (Toey) : Guitar

Woravit Pikulthong (Boy) : Keyboard

clip_image002
INCA Arrival
| 2549
clip_image003

ตามรอยตะวัน | 2536
clip_image004

คนล่าฝัน | 2534

at. 08/03/08 The Olarn Project

clip_image006

พบกับ สุดยอดมือกีตาร์ของเมืองไทยผู้ที่มีความคิดและแนวทางเป็นของตนเอง โอฬาร พรหมใจ ที่จะมาพร้อมกับ วง The Olarn Project และบทเพลงที่คุณประทับใจ เช่น อย่าหยุดยั้ง, ไฟปรารถนา ฯลฯ

The Olarn Project โอฬาร พรหมใจ เริ่มเล่นดนตรีอาชีพในยุคปี 80 และ ในปี 2527 โอฬาร พรหมใจ ได้ก่อตั้ง วงดนตรีร็อคระดับแนวหน้าแห่งประเทศไทยนามว่า The Olarn Project ซึ่งเป็นหนึ่งในวงร็อดระดับตำนานของเมืองไทย โดยในขณะนั้น เขายังเป็นสมาชิกในวง SODA แต่ก็ได้เริ่มทำงานเพลงสำหรับ The Olarn Project นี้ โดย The Olarn Project นั้นถือว่า เป็นแกนนำในการสร้าง วัฒนธรรมเพลง Rock ในวงการเพลงไทยเลยทีเดียว จากวันนั้นถึงวันนี้ โอฬาร พรหมใจ ได้สร้างผลงานเพลงอันยอดเยี่ยมไว้มากมายอาทิ เช่น ไฟปราถนา, หูเหล็ก หรือเพลงที่ให้กำลังใจอย่างเช่น อย่างหยุดยั้ง และ เมื่อปี 2539 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราษฏร์ ครบ 50 ปี โอฬาร ก็ได้แต่งเพลงชื่อ พลังและความตั้งใจ ถวายแด่พระองค์ท่านเพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งเพลงนี้ยังได้รับรางวัลสีสัน AWARD ในหมวดเพลงบรรเลงยอดเยี่ยม ในปีนั้นอีกด้วย ด้วยเวลามากกว่า 20 ปี ที่เดินทางบนเส้นทางสายดนตรี เวลาจึงไม่ได้เป็นเพียงข้อบ่งชี้หรือพิสูจน์ผลงานทางดนตรีเท่านั้นหากแต่ยังช่วยหล่อหลอมและขัดเกลาฝีมือตลอดจนผลงานเพลง ในอดีตที่มีความจัดจ้านให้กลายเป็นดนตรีที่มีชั้นเชิงและสร้างเสริมจินตนาการที่มีความสร้างสรรค์และสวยงามมากยิ่งขึ้น ผลงานของโอฬาร พรหมใจ ล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์มาจากแรงบันดาลใจและจิตวิญญาณของศิลปินอันแท้จริง ประกอบกับประสบการณ์ทางด้านดนตรี และความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีชั้นสูง ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ อย่างชัดเจน เรียกได้ว่ามีสำเนียงของกีตาร์ที่เป็นของตนเอง อีกทั้งยังมีสไตล์ การนำเสนอผลงานเพลงที่เป็นไม่เหมือนใคร และ เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้ เหล่านักดนตรีและมือกีตาร์อีกหลาย ๆ คน ที่จะคงความมุ่งมั่น และ ศรัทธาต่อสิ่งที่ตนทำและคาดหวังไว้ พร้อมเดินทางเพื่อพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง

THE OLARN Website: www.theolarnproject.com

Meet Olarn Phromjai ,the excellent guitarist of Thailand, and his band “The Olarn Project” that will come to play their beautiful and powerful songs such as “Fai Prat Tha Nah” (Eternal Flame), “Yah Yud Yang” (Don’t give up) and more at Overtone

Olarn Phromjai's own musical story began in 1980s. He founded his band “The Olarn Project” in 1984 .On that time he was a member of SODA too. Bandmembers on that time,were Olarn Phromjai ( Oh),Phathompong Sombatphibul (Pong),Pitak Srisang (Tak) ,chatrapong Niyomthai (Tangmo) and Chanin Sangkamchu (GungGing).Olarn has made many great songs through his musical life such as “Fai Prat Tha Nah” (Eternal Flame), “Yah Yud Yang” (Don’t give up) and more. In 1996 ,he composed The Song called “Pa-Lang-Lae-Kwam-Tang-Jai” (The Power and Will) for Celebrated 50th Anniversary His Majesty The King successed to the Throne.And this song was received “The Best Instrumental Song of The Year” from SeeSan Award too.Olarn Phromjai is the great Guitarist and Musician that take Imagination and creativity to his beautiful & Powerful songs.

THE OLARN Website: www.theolarnproject.com

Sat. 15/03/08 Kai-Jo Brothers / Reggae , Ska, Blues

clip_image008พบกับวง Kai-Jo Brothers วงดนตรี 10 ชีวิต ที่มีสไตล์เป็นของตนเองกับส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Reggae, Rocksteady , Ska และ Hip Hop ในผลงานเพลงของพวกเขาเอง ที่ OVERTONE

วง ไคโจบราเธอร์ส นั้นก่อกำเนิดขึ้นจาก โจ้ สรพันธ์ กิ่งพะโยม ผู้กำกับมิวสิควิดิโอ และภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งได้ชักชวนน้องชาย ไก่ อดิศร กิ่งพะโยม ร่วมตั้งวงกับเพื่อนนักดนตรีอีก 3 คน คือ ไก่ พัลลภ ชมตะวัน, ริชาร์ด และ เพิร์ล เคยมีอัลบั้มแรกกับสังกัดยูนิเวอร์ซัลมิวสิคคือ ‘Paradise’ ซึ่งมีเพลงที่ได้รับความนิยมคือ ‘Let’s go to the sea’ ภายใต้ดนตรีแนวใหม่ที่เรียกว่า Ocean Soul (โอเชี่ยน โซล) ที่มีส่วนผสมของเร็กเก้, ฟังก์ , โซล , บลูส์ , แร็พ หลังจากนั้น 2 ปี ไคโจฯ ก็ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ในสังกัด หัวลำโพงริดดิม และเพิ่มลูกเล่นในเพลงโดยเน้นริธึ่มและ กลิ่นอายฮิปฮอปกับอัลบั้มชุดที่ 2 ‘Reggae Passion’ มีซิงเกิ้ลคือเพลง ‘Tuk Tuk Break Down’ ซึ่ง ในความคิดของ ไคโจบราเธอร์สนั้น ดนตรีคือสิ่งที่แต่งเติ่มและเพิ่มสีสันให้กับชีวิต ดนตรีไม่มีขีดจำกัด ไม่มีชนชาติ ไม่มีชนชั้น ทุกชาติทุกภาษาสามารถมาถ่ายทอดเสียงดนตรีร่วมกันได้

Kai-Jo Brothers Myspace http://www.myspace.com/kaijobrothers

clip_image009Meet Kai-Jo Brothers 10 musicians their music mix between Reggae, Rocksteady,Ska and Hip Hop. And in the Rap part they use Ragga muffin style.Enjoy with Them !

Kai-Jo Brothers was founded by Jo Sorapan Khingpayhom , music video director , and Kai Adisorn Khingpayhom , Jo's younger brother , with their friends Kai Panlop Chomtawan , Richard , Pearl . Kai-Jo Brothers released their debut album "Paradise" with Universal Music.The hit track from this album is ‘Let’s go to the sea’ , a new music style that they called "Ocean Soul" combined with Reggae , Funk , Soul , Blues , Rap.

2 years after that , they moved to work with Hualampong Riddim and released their second album "Reggae Passion" that added Hip Hop style.It's hit track is ‘Tuk Tuk Break Down’

The Music of Kai-Jo Brothers is the colurful of life , unlimited , no boundary , no society , as one.

Kai-Jo Brothers Myspace http://www.myspace.com/kaijobrothers