พื้นที่ของแหล่งความรู้และเรื่องราวที่น่าสนใจ รวบรวมจากบทความ และบทเรียน ต่างๆใน Overdrive , Rhythm Section และ Com Music ซึ่งเป็นหนังสือในเครือ PMG โดยเฉพาะเล่มเก่าๆ ที่ตอนนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว ซึ่งมีบทความมากมายที่รอให้ทุกๆคนได้สัมผัส

Sunday, December 30, 2007

Music Spoken Area Al DI MEOLA

clip_image002From : Overdrive Guitar Magazine No.27 , September 2000

วันนี้จะขอพูดถึงมือกีตาร์ระดับตำนานคนหนึ่งที่เพียบพร้อมทั้งเทคนิคและมิวสิคเคิล และมีอิทธิพลต่อมือกีตาร์รุ่นหลังอย่างมาก และก็เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนในทศวรรษ 70 โดดเด่นมากในสาย Fusion Jazz ก็คงหนีไม่พ้น Al DI MEOLA

Al DI MEOLA เป็นมือกีตาร์ที่มีผลงานชิ้นแรกตั้งแต่ปี 1976 ในอัลบั้ม Land of the midnight sun แต่งานที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วก็อัลบั้ม Elegant Gypsy ในปี 1977 และจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ จนถึงปัจจุบัน รวมอัลบั้มเดี่ยวของเขาก็น่าจะสัก 20 อัลบั้มได้

เขาเข้าเรียนดนตรีที่ Berklee School of Music ( ในตอนนั้น ) ปี 1971 แต่เรียนได้ 2 เทอมด้วยความโดดเด่นของตัวเขาเอง ทำให้ Chick Corea ชวนเขาไปร่วมเล่นด้วย ซึ่ง Al DI MEOTA กล่าวไว้ว่า "ผมอยู่ที่อพารต์เม้นท์ใน Boston เป็นบ่ายๆวันศุกร์วันหนึ่ง แล้ว Chick Corea ก็โทรมาชวนผมและถามผมว่า " มาซ้อมกับผมใน New York ได้ไหม"ในตอนนั้นChick Corea คือนักดนตรีคนโปรดของผมเลย และมาชวนผมไปอยู่กับกลุ่มคนดนตรีที่ผมชื่นชอบด้วย สำหรับผมแล้วมันเหมือนฝันที่เป็นจริงเลย ไม่เคยมีสิ่งที่ดีๆในชีวิตครั้งไหนเท่าครั้งนั้นเลย ในเวลา 10 นาทีผมเก็บกระเป๋าของใช้บางส่วนและเดินทางไป New York ทันที หลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับมาอพารต์เม้นท์นั้นอีกเลย"

clip_image004

clip_image006

เขาได้เล่นกับ Chick Corea งานแรกที่ Carnegie Hall ในตอนนั้นเขาอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น ในวงนั้นมี Stanley Clarke เล่นเบส และ Lenny White..., บวกกับเขาและChick Corea เปียโน พวกเขาสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับJazz Rock Fusion กันเลยจากจุดนี้ทำให้ประตูแห่งโลกดนตรีFusionเปิดอ้อมแขนรับเขาอย่างง่ายดาย ทำให้เขามีอัลบั้มเดี่ยว และที่ร่วมเล่นกับคนอื่นอีกนับครึ่งร้อยอัลบั้ม งานอีกชิ้นที่กล่าวขานกันมากในหมู่มือกีตาร์ก็คงเป็น Live ที่ชื่อ Friday Night in San Francisco ในปี 1981 ที่มีเขา John Mclaughlin และ Poco De Lucia ที่พวกเขาเล่นอคูสติคกีตาร์ 3 ตัวกันสดๆบนเวที และสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับกีตาร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อในวันนี้เราจะมาดูเทคนิคการเล่นของเขากันว่า เขามีวิธีอย่างไรที่ทำให้กีตาร์ทุกตัวที่เขาเล่นนั้นดูเชื่อง ว่านอนสอนง่ายได้ดังนั้น

clip_image008

Right- Hand Technic

จาก Hyper-speeds ของ Al DI MEOLA เขาจะใช้การดีดจากข้อมือตลอด เขากล่าวไว้ว่า " ผมไม่เคยใช้จากข้อศอกเลย ( เกร็งทั้งท่อนแขนแล้วใช้ข้อศอกเป็นตัวควบคุมความเคลื่อนไหว ) ใช้จากข้อมือตลอด ( ดูรูป A และB )ก็มีบางครั้งที่ใช้จากนิ้วโป้ง แต่ก็ไม่มากนัก ส่วนมากก็จากข้อมือ ผมไม่สามารถเล่นได้ถ้าข้อมือของผมล๊อคไว้กับแขน เมื่อผมเห็นมือกีตาร์ที่เล่นแล้วล๊อคข้อมือไว้ ซาวนด์ที่ออกมาก็น่าเกลียดเหมือนกับที่เห็นนั่นหละ"Al DI MEOLA ชอบที่จะวางมือขวาของเขาไว้บนสะพานสาย [bridge] สำหรับการเล่นที่เป็น single-note (ดูรูป C) เขาจะถนัดมากและง่ายต่อการใช้เทคนิค mute string ( การวางอุ้งมือทับบนสายทำให้เกิดเสียงบอดนิดๆ ) ลักษณะนี้สามารถเรียกว่าเป็น เอกลักษณ์ของเขาเลย "แต่เวลาผมเล่นที่ลักษณะออกเป็นรูปคอร์ดมากๆ ข้อมือผมจะลอย ไม่ติดสะพานสาย " เขากล่าวไว้ ( ดูรูป D ) เขานิยมใช้สายเบอร์ 009 สำหรับ electric Guitar และ 012 สำหรับอคูสติคกีตาร์

 

 

 

clip_image010

Alternate Picking

นี่เป็น Riff จากเพลง Kiss My Axe อยู่ใน E Dorian [ E , F# , G , A,B , C# , D ] เป็นแบบฝึกหัดที่ดีสำหรับมือซ้ายและมือขวา และใช้ Alternate picking ( ปิ๊คสลับ ) ใน 2 สาย สำหรับRiffนี้เริ่มจาก upstroke( ปิ๊คขึ้น )ก่อน ( ดู Ex.1 )

และเทคนิคปิ๊คของเขา เขาแนะนำให้ฝึก 4 แบบนี้

1.Down Stroke ( ลงอย่างเดียว )

2.Up Stroke ( ขึ้นอย่างเดียว )

3.Down-Up Stroke ( ลง -ขึ้น )

4.Up-Down Stroke ( ขึ้น - ลง )

ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของโน้ต เทมโป และการเคลื่อนของข้อมือขวา

Hammer - on

เป็นอีก 1 เทคนิคที่ Al DI MEOLA ใช้ประกอบในการเล่นของเขา นี่เป็นบางส่วนจากเพลง Kiss My Axe โดยเขาใช้ Hammer - on ผสมกับ sliding trill ( เทคนิคสไลด์และต่อด้วยเทคนิค trill , trill คือการเล่นโน้ตที่ต่างกันเร็วๆโดยใช้เทคนิค Hammer - on & pulloff ) เพื่อสร้างสุ้มเสียงเลียนแบบ Keyboard เขากล่าวว่า " เป็น lick ที่ยากในการเล่นที่เทมโปเร็วๆ วางตำแหน่งนิ้วลงบน Fret และ Slide ให้ข้ามจากด้านหนึ่งของ Fret ไปยังอีกด้านหนึ่งพอลองยกนิ้วโป้งออกจากหลังคอกีตาร์ของคุณก็จะช่วยให้ง่ายขึ้นในการเล่นเทคนนิคนี้ ( ดู Ex.2 )

นอกเหนือจากนี้ Al DI MEOLA ก็มีการใช้ปิ๊คในลักษณะอื่นอีกลองดูใน Ex.3

Cross Picking

clip_image012นี่คือเทคนิคทีสร้างชื่อเสียงให้กับเขาอย่างมาก ในตัวอย่างนี้การเล่นAlternate picking ( ปิ๊คสลับ )จะดีที่สุด เขากล่าวว่า " พยายามเคลื่อนมือขวาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนมือซ้ายค้างเสียงโน้ตยาวไว้เลย ( ดูรูป E )และหลังจากนั้นลองเลื่อนตำแหน่งดีดจากคอกีตาร์เลื่อนมาทางสะพานสาย ค่อยๆเลื่อนจะสามารถสร้างความแตกต่างของเสียงและสุดท้ายก็เพิ่ม dynamic ( หนัก -เบา )เข้าไป" เริ่มเล่นจากช้าๆก่อน

อีกหนึ่งเทคนิคที่เขาใช้บ่อยๆก็อย่างใน ส่วนใน Ex.4 จะซับซ้อนมากกว่า Ex.3 ใน Ex.นี้จะต้องระวังอย่าให้นิ้วที่กด Fret อยู่ ไปโดนสายเปิดที่ปล่อยไว้ สายเปิดต้องปล่อยให้เสียงค้างยาวตลอด ( ดูรูป F-1 ) Ex.5 เขากล่าวว่า"โน้ตในลักษณะนี้ถ้าใช้Alternate จะทำให้เล่นยาก จะง่ายกว่าถ้าเล่นUp Stroke ใน 2 สายบนและ Down Stroke ในสาย 3 ดีกว่า และยังมีอีกหลายเหตุผลที่Alternate picking อาจจะไม่เหมาะกับตรงนั้น คุณจะต้องทดลองหาจนคุณพบpicking ที่เหมาะกับจุดนั้นด้วยตัวคุณเอง"

นี่คงพอเป็นแนวทางที่พอจะสร้างความเข้าใจในตัวของเขาได้ดีขึ้น แต่ผมขอแนะนำให้วิเคราะห์แนวทาง , เทคนิคและไอเดียในการเล่นของเขา แล้วนำมาผสมกับแนวทางของตัวคุณเองที่ตัวตนของคุณชอบ จะมีประโยชน์สุดดีกว่าแค่นั่งก๊อปปี้โดยไม่คิดอะไรเลย ประโยชน์ที่ได้ไม่น่าจะคุ้มกับเวลาที่เสียไป ฉบับนี้แค่นี้ก่อน ไว้เจอกันฉบับหน้า.

clip_image014

clip_image016

clip_image018

clip_image020

From : Overdrive Guitar Magazine No.27 , September 2000

clip_image021

Thursday, December 6, 2007

สัมภาษณ์พิเศษผู้ชนะเลิศ Overdrive Guitar Contest 5 ธนัช เมทะยะนานนท์

FGT 0210 OD : แนะนำตัวหน่อยครับ

Champ : ชื่อ แชมป์ ครับ ธนัช เมทะยานนท์ อายุ 19 ปี

OD : ประวัติทางด้านดนตรี

Champ : เริ่มเล่นดนตรีก็ตั้งแต่คุณแม่สอน ตอนนั้นก็คือสอนให้เล่นเปียโน

OD : ตอนนั้นอายุเท่าไหร่

Champ : ประมาณ 5-6 ขวบ ครับ เพราะคุณพ่อ คุณแม่เป็นนักดนตรีครับ ก็เลยสอนให้ ก็เลยเล่นมาเรื่อย ประมาณ 8-9 ขวบ ก็คือคุณแม่เค้าไปต่างประเทศ ไปอเมริกาก็เลยไม่ได้เล่นอะไรมากมาย คุณพ่อก็คือเป็นนักดนตรีก็เลยสอนให้เล่นกีตาร์ ตั้งแต่ตอนนั้นน่ะครับ ประมาณช่วงนั้นก็จะป.6 จะขึ้น ม.1 ครับ ก็เล่นพวกประมาณ 60-70 อะไรพวกนั้นนะครับ

OD : เช่นอะไร

Champ : เช่น Rock Bottom, Smoke On The Water

OD : Stairway To Heaven

Champ : Stairway ตอนนั้นยังเล่นไม่ได้ครับมันเร็ว ก็เล่น Smoke On The Water พวกอะไรพวกเนี้ยครับ

OD : แสดงว่าคุณพ่อชอบร็อค

Champ : คุณพ่อชอบร็อค ครับ ก็คือเค้าบอกให้หัดเป็นพื้นฐานไว้จะดีนะครับ ก็เลยเล่นตามมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็ประมาณ ม.ปลาย ตอนนั้น ม.4 ม.5 ก็เริ่มแบบว่า เริ่มเล่นพวก Neo บ้าง พวก Morning Star พวกอะไรอย่างนี้นะครับเริ่มแกะเล่น ก็คือตอน ม.ต้นนี่ก็ตั้งวงเล่นกับเพื่อนอยู่ครับ เล่นกับเพื่อนแบบว่า คือเห็นรุ่นพี่เค้าเล่นกัน ตอน ม.3 ผมว่าน่าจะมันส์ ก็เลยตั้งวงกันตั้งแต่ ม.2 ม.3 ก็ตั้งมาเรื่อยครับ พอ ม.4 เราก็เล่นพวกนี้

OD : แกะมั่ง ดู tab บ้าง คือแบบว่าไงละ

Champ : ครับ แกะมั่งประมาณนั้นครับ แล้วก็คือที่บ้านก็จะทำห้องอัดเสียง คือตอนนั้นเป็นห้องอัดเสียงแล้ว คือ ตอนแรกซื้อเครื่องมาเรื่อยๆ นะครับ ซื้อเก็บมาเรื่อย แล้วทีนี้มันเริ่มเยอะ เริ่มเยอะจนแบบว่ามันทำในห้องนอนงัยตอนแรก เป็นแบบเค้าเรียกว่างัยนะครับ bedroom studio ใช่มั้ยครับ ทีนี้มันเริ่มเยอะ แล้วพ่อก็เลยกั้นห้องให้ทำเป็นห้องอัด ก็เอาเครื่องลงมาทำเป็นห้องอัด ก็เริ่มทำเพลงตรงนั้น

ทำเพลงเสนอค่าย พวกแกรมมี่ อาร์เอส ก็เข้าไปเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ คือก็ยังไม่ได้อัลบั้มอะไร ก็ไปเก็บเกี่ยว ประสบการณ์จากตรงนั้นในการทำเพลงก็พัฒนาในการทำเพลงขึ้นมา ก็จนแบบว่าตอนนั้นก็เข้าไปทำกับพี่แน็ท วาสนา ค่าย จีโน จีโนเรคคอร์ด อาร์เอส ก็หลายครั้งก็ยังไม่ได้ออก

OD : แล้วตอนนั้นทำเป็นอะไร

Champ : คือเพลงจะเหมือนเพลงตลาดครับ เพลงพวก Modern Rock เป็นพวกสมัยใหม่พวกพั้งค์ร็อค อะไรพวกนั้น ประมาณนั้น คือแบบว่า ก็ยังไม่ได้ออก ผมก็ทำมาเรื่อยๆ คราวนี้ก็ คือ มาช่วงหลังๆ วงแตก แต่คือเปลี่ยนมาขายวงแล้ววงแตก วงสุดท้ายนี่วงแตก คือมีแบบไปเล่นประจำบ้างนิดหน่อยครับ คือแบบว่าพอขึ้นมหาลัยกันทุกคนก็แยกย้ายกัน ไม่ไหว เรียนหนักกันบ้างอะไรแบบเนี้ย ผมก็เลยเออวงแตก ไม่มีอะไรก็เห็น Overdrive มีเปิดสมัครประกวด เราก็เลยลองซิ ประมาณนั้นครับ นี่ถ้าวงไม่แตกคงไม่ได้มาประกวด คงจมอยู่แบบนั้นต่อไป

OD : เรื่องของการฝึกหัดเล่นกีตาร์

Champ : ก็เรียนด้วยตัวเองด้วย แล้วมีอาจารย์ด้วย ก็อาจารย์ปิยะครับ เค้าก็มาแนะนำ มาสอน เอ้ยยังไม่ใช่นะตัว เค้าก็มาบอก เราก็มาปรับปรุงแก้ไข แล้วก็มาได้ประสบการณ์จากการอัดเสียง เพราะเวลาอัดเสียงมันต้องเนียนหน่อย แบบว่าต้องค่อมไม่ค่อมบีท เราก็ต้องเล่นให้ตรงจากที่เราอัด เพราะมันจะฟ้องตัวเอง บางทีมันก็ได้จากตรงนั้นด้วย

OD : หมายความว่าไง ห้องอัดเสียงเรา แล้วก็เล่นรับจ้างเล่นกีตาร์ให้เค้าด้วย

Champ : ใช่ครับ ก็มีแบบไปอัดรับจ้างอัดเสียงรับทำเพลงด้วยครับประมาณนั้น

OD : แล้วฝึกยังไง

Champ : เวลาฝึกกีตาร์ก็แบบว่ายังไงดี สมมุติว่าชอบเพลงไหนก็ลองหามาเล่นมาแกะดูก่อน แล้วก็บางเพลงก็อาจมีแนวคิดที่แบบ เออ บางทีลูกที่มันอาจจะไม่ยากมาก หรือยากมาก แต่มันเท่ส์เราก็เอามา Apply ใช้มั่งที่เอามาใช้กับตัวเองครับ

OD : แล้วที่ใช้ประกวดคิดยังไง ตอนที่เข้าประกวดรอบสุดท้าย คิดอะไรยังไงบ้างกับสิ่งเราเล่น

Champ : ก็ คือผมจะวางเตรียมง่ายๆ เป็นร็อคน่ะครับ สมมุติว่าร็อคมันหมายถึงแบบว่าคือซาวด์์พวกแบบว่า ซาวด์กีตาร์ หรือว่าริธึ่ม หรือโทนคัลเลอร์ของเพลง มันจะเป็นแบบว่า สมัยแบบ 2000 หน่อย ยุคใหม่หน่อย เพื่อความริธึ่มทันสมัย แต่เราอาจจะใช้เทคนิคของพวกแบบเพลงที่เราเคยเล่นมาสมัยก่อน มาประยุคใช้กับริธึ่มที่มันสมัยใหม่เพื่อให้มันฟังดูแบบว่าไม่ให้มันล้าหลัง แต่ผมจะไม่ได้คิดแบบว่า คือเทคนิคแต่ละเทคนิคมันต้องลงตัวในเพลง ไม่ใช่แบบว่าจะเร็ว ต้องแบบว่าลงตัวนิดนึง ให้มีเมโลดี้มีอะไรหน่อย ครับ

OD : แล้วฝึกวันละกี่ชั่วโมง ตอนนั้น

Champ : ตอนนั้น ตอนประกวดใช่มั้ยครับ ก็หนักเลยครับช่วงนั้น ก็ดีดเกือบทั้งวันเลยครับ อยู่บ้านผมจะว่างหน่อยครับ คือตอนแรกเวลาคิดเพลงจะคิดกับคอมพิวเตอร์ จะวางว่ามันประมาณนี้นะ บางทีถ้าลูกไหนไม่ได้ผมก็จะเขียน midi ในคอม เขียนแล้วก็ฝึกตาม บางที midi เป็นเสียงกีตาร์เหมือนพวก version guitarist เออเสียงประมาณนี้มันเพราะนะ เราก็ลองฝึกตาม บางทีมันคิดได้แต่ยังเล่นไม่ได้ ก็เลยต้องฝึกตามทำให้มันคล่อง อาจจะปรับทางนิ้วอีกทีแบบว่าที่เราแบบว่า ลูกนี้มันไม่ไหวจริงๆ ปรับหน่อย คือแบบนั้น

OD : ก็คือ คิดก่อนสร้างเนื้อแต่ง

Champ : ใช่ครับ คือไม่ได้แบบ อาจจะมีการ อิมโพไวส์ลงไปบ้างแต่ว่าเราจะขยายตอนอิมโพไวส์ครับ อย่างเช่นแบบว่า ลูกนี้เอาจากอิมโพไวส์ไปแล้ว 2-3 รอบ บางวงกีตาร์บางวง อิมโพไวส์ไปก่อนแล้วซัก 2-3 รอบแล้วก็ตัดลูกดีๆไว้แล้วก็มาขยายต่อ อะไรแบบนี้

OD : แล้วคิดยังไงกับเรื่องของการประกวดกีตาร์

Champ : ก็ดีนะครับ เพราะทำให้คนที่ยังไม่มีโอกาส มองหาช่องทาง ได้ลองทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองทำได้ดี

OD : แล้วมีความรู้สึกยังไงที่ตัวเองได้แชมป์

Champ : ตอนแรก ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ เพราะทุกคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย ครับ ตอนที่ได้ก็ตื่นเต้นครับเหมือนฝันเลยครับตอนแรก เฮ้ย! หลับอยู่หรือเปล่าเนี้ย ตื่นๆๆ นี่เรื่องจริง นะ เรื่องจริง เมื่อก่อนประกวดมางานไหนก็ไม่เคยได้รางวัลเลยครับ

OD : ประกวดเป็นวง

Champ : ประกวดเป็นวงครับ คือเหมือนกับเราทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา คือผมจะเป็นนักร้องนำด้วยไงครับ แล้วก็คือเล่นกีตาร์ด้วย โซโล่ จะมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเล่นกีตาร์ อีกคนนึง บางทีเค้าจะโซโล่ผมก็เล่นริธึ่มร้องด้วย คือเราคิดว่า เออ เราทำในสิ่งที่มันน่าจะใช่เรานะ เค้าถึงให้เราได้ประมาณนั้น

OD : ฝากอะไรถึงคนเล่นกีตาร์คนอื่นๆ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ต่อๆ ไปถ้าเค้าอยากจะเป็น มือกีตาร์ที่ดี หรืออยากจะลงแข่งต่อๆ ไป

Champ : ก็บางที เล่นมันต้องอยู่ที่ความลงตัวเป็นหลักครับ ผมคิดว่า มันก็ไม่พ้นดนตรี มันก็มีอะไรนะ ฮาร์โมนี, เมโลดี้, ริธึ่ม, แล้วก็โทนคัลเลอร์ คือ 4 อย่างนี้ผมว่ามันต้องลงตัวก่อน ไม่ว่าจะยากหรือง่าย แต่ว่าถ้า 4 อย่างนี้ลงตัว แล้วใช้ตัวเราเป็นตัววัดหรือว่าคนรอบข้าง อย่าฟังคนเดียวสิ่งที่เราเล่น หัดเก็บไว้ฟังนี่เป็นสิ่งที่ดีเพราะว่ามันได้ฟ้องตัวเราไงครับ คือถ้าเรามาคิดว่า เออมันใช่นะ มันเพราะ มันดี เออตรงนี้มันสุดแล้ว แต่ถ้ามีคนอื่นมาบอกว่าตรงนี้ยังไม่ดีนะ เค้าก็ต้องมาให้เหตุผลนะว่ามันไม่ดียังไง เปิดให้กว้างมันจะช่วยได้

FGT 0222 OD : แล้วนอกจากกีตาร์แล้วเล่นอะไรได้อีก

Champ : เล่นได้ทุกชิ้นนะครับผม พวก เบส กลอง กีตาร์ แต่รู้สึกเปียโนนี้เล่นไม่ได้แล้ว ไม่ได้เล่นเลย

OD : แต่ก็คือเล่นเฉพาะที่เล่นได้

Champ : พอได้ครับ

OD : ร้องเพลงได้ด้วย

Champ : ครับร้องได้

OD : ร้องเพลงให้ฟังหน่อย

Champ : ร้องให้ฟังเลยเหรอ (หัวเราะ)

OD : อยากฟัง เอาเพลงอะไรก็ได้ ที่เรารู้สึกมั่นใจกับมันมากที่สุด

Champ : เพลงอะไรดีละ นึกไม่ออก ผมนึกก่อนนะ เอาเพลงที่แต่งเองดีกว่า หรือเพลงตลาด เพลงอะไรก็ได้ใช่มั้ย ท่อนไหนดีละ

OD : ท่อนไหนก็ได้ ที่เรารู้สึก ok มั่นใจ อิน

Champ : “เธอบอกให้ลืม เธอบอกให้ทำอย่างนั้น ให้ลืมเรื่องเรา แล้วให้ทิ้งมันไป” นิดเดียว

OD : นี่เพลงใคร

Champ : เพลงผมเอง

OD : แล้วอุปกรณ์ที่ใช้อยู่

Champ : อุปกรณ์เหรอครับ กีตาร์มันก็มีหลายตัวนะครับ แต่ว่าช่วงหลังๆ นี่ก็เล่น Ibanez

OD : เพราะว่า ?

Champ : เพราะว่า รู้สึกมันเล่นง่ายครับ มันมี 24 เฟรต มันครบนะครับ มีคันโยกอะไรด้วย

OD : แล้วก่อนหน้านี้เล่นอะไร Fender?

Champ : มีพ่อทำกีตาร์ด้วยครับ ทำเล่นเอง

OD : พ่อทำกีตาร์เอง? พ่อชอบ

Champ : ครับ เป็น คัสตอมของตัวเอง

OD : ทำหมดทั้งตัวเลย?

Champ : ทำแต่ปิ๊คอัพ ไปซื้อเอง

OD : อ๋อ เข้าใจ หมายความว่า คอ เฟรต วางเอง

Champ : ครับวางเอง คือมีเครื่องมือทำเอง เค้าทำกีตาร์ด้วยครับทำกีตาร์โปร่ง เป็นพวกหลังเต่าไงครับข้างหลังจะเป็นพวกเรซินครับ ปกติถ้าเป็นโอเวชั่นจะเป็นพวกพลาสติก แต่นี่จะเป็นเรซิน เค้าก็หล่อมาเป็นโครงข้างหลังแล้วมีไม้แผ่นหน้า แต่เลิกทำแล้วตอนนี้ ตอนนี้ก็ทำแบบว่าถ้าอยากทำแล้วค่อยทำครับ

OD : OK แล้วก่อนหน้าเล่น Fender ตอนนี้เปลี่ยนมาเล่น Ibanez ชอบ?

Champ : ครับ มันชอบเพราะเราเล่นกีตาร์ฮีโร่เนี้ย เล่นเร็วๆ มันเล่นง่าย คอมันบางเล็กครับ

OD : Effect ละ

Champ : Effect ก็ใช้พวก P.O.D อะไรแบบนี้นะครับ เวลาอัดก็ต่อตรงเลย แต่เวลาเล่นจริงเค้าให้ต่อ Return ครับ เข้ารู Return ก็แบบว่ามันจะตัดหัวแอมป์ไปเลยครับ ก็คือเราก็ใช้ตัวนี้เป็นหัวแอมป์แทน ไม่งั้นมันชนแอมป์เวลาต่อ Pre ซ้อน Pre มันจะบี้ ก็เลยใช้ตัวนั้น แต่ตอนนี้อยากใช้ตู้ อยากลองตู้ดู

OD : แล้ววันแข่งใช้อะไร

Champ : วันแข่งใช้ P.O.D. XT TC ไวท์เวิท ตัวประสานเสียงครับ เป็นคัมเวไนท์เซอร์มั่งครับ เป็นเกี่ยวกับเสียงประสาน เราก็ตั้งไว้คีย์ไว้ว่า สมมุติผมอีไมเนอร์ก็ตั้งไว้ แล้วก็มี TC G symtem เป็นพวกมูเมอร์เรชั่น แล้วก็เป็นแบบซิสเตม คือตัวนี้มันจะหลุดเอฟเฟ็กได้ 4 ตัว คือพวก POD มันจะดูดในตัวมันประมาณนั้น

OD : คติประจำใจทิ้งท้าย

Champ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ

Sunday, December 2, 2007

Pry Boxset

clip_image002การกลับมาอีกครั้งของ พราย... ปฐมพร ปฐมพร ผู้ชายคาดหน้า..ที่ใช้สื่อความหมายบางอย่าง.. ผู้แหกปาก - กรีดร้องหาตัวตนของตน กับการรวบรวมผลงาน ที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเข้าไว้ ด้วยกันใน Package ที่สวยงาม เป็น พราย Boxset รวมผลงานเพลง 6 อัลบั้ม 8 CDพร้อมบันทึกการแสดงสด ของ ชายคนนี้ พราย ปฐมพร ปฐมพร คนดนตรี คนเขียนเพลง คนที่ใครๆหลายคนบอกว่าเข้าบ้า !!

จำนวนจำกัด 1,000 ชุด ชุดละ 999 บาทเท่านั้น (รายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคเพื่อการกุศล)

หมดแล้วหมดเลย สอบถามรายละเอียดได้ที่

Prart Music Group : 02-203 0423-5 Fax02-203- 0426

Prartmusic@prartmusic.com

clip_image004 clip_image006