พื้นที่ของแหล่งความรู้และเรื่องราวที่น่าสนใจ รวบรวมจากบทความ และบทเรียน ต่างๆใน Overdrive , Rhythm Section และ Com Music ซึ่งเป็นหนังสือในเครือ PMG โดยเฉพาะเล่มเก่าๆ ที่ตอนนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว ซึ่งมีบทความมากมายที่รอให้ทุกๆคนได้สัมผัส

Thursday, March 6, 2008

Overtone

Fri. 07/03/08 INCA /Tribute The Eagles

clip_image001

พบกับสมาชิกทั้ง 6 ของ วงดนตรีฝีมือดี “อินคา” ที่จะมาบรรเลงบทเพลงของ The Eagles สุดยอดวงซึ่งเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ

วง อินคา ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยการนำของ ศักดา พัทธสีมา (ดา), จารุวัฒน์ วิเศษสมบัติ (อ้อม) และ นล สิงหลกะ (อ๋อ) ด้วยความฝันที่จะได้ทำอัลบั้มกับ บริษัท Grammy Entertainment (G''MM') จากนั้นปลายปี พ.ศ. 2534 ภายใต้การดูแลของ พี่โอม (ชาตรี คงสุวรรณ) อัลบั้มชุดแรก “คนล่าฝัน” ก็ได้วางแผง และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยสไตล์ดนตรีที่แตกต่าง ทั้งเสียงร้องนำ, เสียงกีตาร์ และการร้องประสานเสียง ทำให้เกิดเพลงฮิตหลายต่อหลายเพลงเช่น หมากเกมนี้, ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ, ขอเริ่มใหม่

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2536 ภายใต้ชื่อวงอินคา และสังกัดเดิม คงเหลือสมาชิก 3 คน คือ ดา, เต้ย และ บอย ได้วางอัลบั้มชุดที่สอง “ตามรอยตะวัน” เพลงฮิตจากอัลบั้มนี้ได้แก่ หมดแล้วหมดเลย, ร้อยคน, เพียงเท่านี้

หลังจากนั้น สมาชิกหลายๆคนก็เริ่มที่จะผันตัวเองไปเป็นคนเบื้องหลัง และสร้างสรรค์ผลงานดีๆมากมายสู่วงการเพลงไทย และในปี พ.ศ. 2546 คอนเสิร์ต “INCA IN LOVE” ที่ อินดอร์ สเตเดี้ยม และ การทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศเกือบ 1 ปีเต็ม เป็นเหมือนกับการบอกกล่าวและยืนยันให้แฟนเพลงได้รู้ทั่วกันว่า สมาชิกดั้งเดิมทั้ง 6 คน ได้กลับมารวมตัวกันแล้ว

และ...ปี พ.ศ. 2549 จากประสบการณ์ของแต่ละคนที่ได้สั่งสมมาเป็นเวลานานนับสิบปี พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งภายใต้ชื่อ “อินคา” ด้วยอัลบั้มชุดใหม่ “INCA Arrival”

สมาชิกวง อินคา ประกอบไปด้วย

ศักดา พัทธสีมา (ดา) : ร้องนำ / กีต้าร์

จารุวัฒน์ วิเศษสมบัติ (อ้อม) : ร้องนำ / กีต้าร์

นล สิงหลกะ (อ๋อ) : ร้องนำ / กลอง

ปิติ ดวงพิกุล (ป๊อบ): เบส

รณภพ อรรคราช (เต้ย) : กีต้าร์

วรวิทย์ พิกุลทอง (บอย) : คีย์บอร์ด

INCA Website http://www.freewebs.com/inca-band

Meet 6 members of The Famous band “INCA” will come to play The Eagles’ songs .

INCA was founded in 1989 by Sakda Pathasima (Da) , Jaruwat Wisethsombaj (Oom) , Nol Singholga (Orh) . The debut album "Khon-Lar-Fhan" (Chasing the Dream) was released in 1991 .This album was achived because of their unique style. The hit tracks from this album are "Mhark-Game-Nee" (The Game) , "Ying-Kai-Ying-Jeb" (As Close As Pain) , "Kor-Rherm-Mai" (Turn Out A New Leaf)In 1993 , INCA released their second album "Tam-Roy-Ta-Wan" (Follow The Rising Sun) with remained 3 members ; Da ,Toey , and Boy .The hit tracks from this album are "Mod-Lawy-Mod-Laye" (Exhaust) , "Roy-Khon" ( 100 Men) , "Pheng-Tow-Nee" (Just Only)

Afterthat members of the band had become producers , sololists. In 2003 "INCA In Love Concert" was the reunion concert of thr band.Large number of their fans came to The Indoorstadium Huamark.

And in 2006 , INCA released their latest album " INCA Arrival" .

INCA is :

Sakda Pathasima (Da) : Vocal / Guitar

Jaruwat Wisethsombaj (Oom) : Vocal / Guitar

Nol Singholga (Orh) : Vocal / Drum

Piti Daungpikul (Pop) : Bass

Rhonnaphop Arkaraj (Toey) : Guitar

Woravit Pikulthong (Boy) : Keyboard

clip_image002
INCA Arrival
| 2549
clip_image003

ตามรอยตะวัน | 2536
clip_image004

คนล่าฝัน | 2534

at. 08/03/08 The Olarn Project

clip_image006

พบกับ สุดยอดมือกีตาร์ของเมืองไทยผู้ที่มีความคิดและแนวทางเป็นของตนเอง โอฬาร พรหมใจ ที่จะมาพร้อมกับ วง The Olarn Project และบทเพลงที่คุณประทับใจ เช่น อย่าหยุดยั้ง, ไฟปรารถนา ฯลฯ

The Olarn Project โอฬาร พรหมใจ เริ่มเล่นดนตรีอาชีพในยุคปี 80 และ ในปี 2527 โอฬาร พรหมใจ ได้ก่อตั้ง วงดนตรีร็อคระดับแนวหน้าแห่งประเทศไทยนามว่า The Olarn Project ซึ่งเป็นหนึ่งในวงร็อดระดับตำนานของเมืองไทย โดยในขณะนั้น เขายังเป็นสมาชิกในวง SODA แต่ก็ได้เริ่มทำงานเพลงสำหรับ The Olarn Project นี้ โดย The Olarn Project นั้นถือว่า เป็นแกนนำในการสร้าง วัฒนธรรมเพลง Rock ในวงการเพลงไทยเลยทีเดียว จากวันนั้นถึงวันนี้ โอฬาร พรหมใจ ได้สร้างผลงานเพลงอันยอดเยี่ยมไว้มากมายอาทิ เช่น ไฟปราถนา, หูเหล็ก หรือเพลงที่ให้กำลังใจอย่างเช่น อย่างหยุดยั้ง และ เมื่อปี 2539 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราษฏร์ ครบ 50 ปี โอฬาร ก็ได้แต่งเพลงชื่อ พลังและความตั้งใจ ถวายแด่พระองค์ท่านเพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งเพลงนี้ยังได้รับรางวัลสีสัน AWARD ในหมวดเพลงบรรเลงยอดเยี่ยม ในปีนั้นอีกด้วย ด้วยเวลามากกว่า 20 ปี ที่เดินทางบนเส้นทางสายดนตรี เวลาจึงไม่ได้เป็นเพียงข้อบ่งชี้หรือพิสูจน์ผลงานทางดนตรีเท่านั้นหากแต่ยังช่วยหล่อหลอมและขัดเกลาฝีมือตลอดจนผลงานเพลง ในอดีตที่มีความจัดจ้านให้กลายเป็นดนตรีที่มีชั้นเชิงและสร้างเสริมจินตนาการที่มีความสร้างสรรค์และสวยงามมากยิ่งขึ้น ผลงานของโอฬาร พรหมใจ ล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์มาจากแรงบันดาลใจและจิตวิญญาณของศิลปินอันแท้จริง ประกอบกับประสบการณ์ทางด้านดนตรี และความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีชั้นสูง ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ อย่างชัดเจน เรียกได้ว่ามีสำเนียงของกีตาร์ที่เป็นของตนเอง อีกทั้งยังมีสไตล์ การนำเสนอผลงานเพลงที่เป็นไม่เหมือนใคร และ เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้ เหล่านักดนตรีและมือกีตาร์อีกหลาย ๆ คน ที่จะคงความมุ่งมั่น และ ศรัทธาต่อสิ่งที่ตนทำและคาดหวังไว้ พร้อมเดินทางเพื่อพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง

THE OLARN Website: www.theolarnproject.com

Meet Olarn Phromjai ,the excellent guitarist of Thailand, and his band “The Olarn Project” that will come to play their beautiful and powerful songs such as “Fai Prat Tha Nah” (Eternal Flame), “Yah Yud Yang” (Don’t give up) and more at Overtone

Olarn Phromjai's own musical story began in 1980s. He founded his band “The Olarn Project” in 1984 .On that time he was a member of SODA too. Bandmembers on that time,were Olarn Phromjai ( Oh),Phathompong Sombatphibul (Pong),Pitak Srisang (Tak) ,chatrapong Niyomthai (Tangmo) and Chanin Sangkamchu (GungGing).Olarn has made many great songs through his musical life such as “Fai Prat Tha Nah” (Eternal Flame), “Yah Yud Yang” (Don’t give up) and more. In 1996 ,he composed The Song called “Pa-Lang-Lae-Kwam-Tang-Jai” (The Power and Will) for Celebrated 50th Anniversary His Majesty The King successed to the Throne.And this song was received “The Best Instrumental Song of The Year” from SeeSan Award too.Olarn Phromjai is the great Guitarist and Musician that take Imagination and creativity to his beautiful & Powerful songs.

THE OLARN Website: www.theolarnproject.com

Sat. 15/03/08 Kai-Jo Brothers / Reggae , Ska, Blues

clip_image008พบกับวง Kai-Jo Brothers วงดนตรี 10 ชีวิต ที่มีสไตล์เป็นของตนเองกับส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Reggae, Rocksteady , Ska และ Hip Hop ในผลงานเพลงของพวกเขาเอง ที่ OVERTONE

วง ไคโจบราเธอร์ส นั้นก่อกำเนิดขึ้นจาก โจ้ สรพันธ์ กิ่งพะโยม ผู้กำกับมิวสิควิดิโอ และภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งได้ชักชวนน้องชาย ไก่ อดิศร กิ่งพะโยม ร่วมตั้งวงกับเพื่อนนักดนตรีอีก 3 คน คือ ไก่ พัลลภ ชมตะวัน, ริชาร์ด และ เพิร์ล เคยมีอัลบั้มแรกกับสังกัดยูนิเวอร์ซัลมิวสิคคือ ‘Paradise’ ซึ่งมีเพลงที่ได้รับความนิยมคือ ‘Let’s go to the sea’ ภายใต้ดนตรีแนวใหม่ที่เรียกว่า Ocean Soul (โอเชี่ยน โซล) ที่มีส่วนผสมของเร็กเก้, ฟังก์ , โซล , บลูส์ , แร็พ หลังจากนั้น 2 ปี ไคโจฯ ก็ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ในสังกัด หัวลำโพงริดดิม และเพิ่มลูกเล่นในเพลงโดยเน้นริธึ่มและ กลิ่นอายฮิปฮอปกับอัลบั้มชุดที่ 2 ‘Reggae Passion’ มีซิงเกิ้ลคือเพลง ‘Tuk Tuk Break Down’ ซึ่ง ในความคิดของ ไคโจบราเธอร์สนั้น ดนตรีคือสิ่งที่แต่งเติ่มและเพิ่มสีสันให้กับชีวิต ดนตรีไม่มีขีดจำกัด ไม่มีชนชาติ ไม่มีชนชั้น ทุกชาติทุกภาษาสามารถมาถ่ายทอดเสียงดนตรีร่วมกันได้

Kai-Jo Brothers Myspace http://www.myspace.com/kaijobrothers

clip_image009Meet Kai-Jo Brothers 10 musicians their music mix between Reggae, Rocksteady,Ska and Hip Hop. And in the Rap part they use Ragga muffin style.Enjoy with Them !

Kai-Jo Brothers was founded by Jo Sorapan Khingpayhom , music video director , and Kai Adisorn Khingpayhom , Jo's younger brother , with their friends Kai Panlop Chomtawan , Richard , Pearl . Kai-Jo Brothers released their debut album "Paradise" with Universal Music.The hit track from this album is ‘Let’s go to the sea’ , a new music style that they called "Ocean Soul" combined with Reggae , Funk , Soul , Blues , Rap.

2 years after that , they moved to work with Hualampong Riddim and released their second album "Reggae Passion" that added Hip Hop style.It's hit track is ‘Tuk Tuk Break Down’

The Music of Kai-Jo Brothers is the colurful of life , unlimited , no boundary , no society , as one.

Kai-Jo Brothers Myspace http://www.myspace.com/kaijobrothers

No comments: